ทริปดีๆ ไหว้พระแปดริ้ว วัดกลางน้ำ, วัดโสธรฯ, วัดสมาน และตลาดน้ำบางคล้า

“…ชื่อบ้านเมืองเหล่านี้เป็นชื่อไทยบ้าง ชื่อเขมรบ้าง เป็นสองชื่อทั้งไทยทั้งเขมรบ้าง อย่างเมืองฉะเชิงเทราเป็นชื่อเขมร แปดริ้วเป็นชื่อไทย…” จากหนังสือชุมนุมพระนิพนธ์ภาคปกิณกะ ภาค 1 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีบางท่านจึงมีความเห็นว่า “ฉะเชิงเทรา” น่าจะเพี้ยนมาจากคำเขมรว่า “สตึงเตรง” หรือ “ฉ่ทรึงเทรา” ซึ่งแปลว่า “คลองลึก” ครั้งเรียกกันไปนานๆ เสียงก็เพี้ยนกลายเป็น “ฉะเชิงเทรา”

Map_Chachoengsao
ส่วนความเป็นมาของชื่อ “แปดริ้ว” ก็มีตำนานเล่าขานกันมาหลายกระแสไม่แพ้กัน บ้างก็ว่าเมืองนี้แต่ไหนแต่ไรมาเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ในลำน้ำอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด โดยเฉพาะปลาช่อน เมื่อนำมาแล่เนื้อทำปลาตากแห้ง จะแล่เพียงสี่ริ้วหรือห้าริ้วตามปกติไม่ได้ ต้องแล่ออกถึง “แปดริ้ว” เมืองนี้จึงได้ชื่อว่า “แปดริ้ว” ตามขนาดใหญ่โตของปลาช่อนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมือง
ขอขอบคุณ tipniraporn ที่โพสประวัติความเป็นมาของจังหวัดฉะเชิงเทราไว้ คืออยากรู้มานานแล้วว่า ทำไมเขาถึงเรียกแถวๆ บางปะกงว่าแปดริ้วกัน วันนี้เลยจัดทริปวันเดียว เที่ยว ได้บุญ เสริมบารมี อร่อย ที่แปดริ้ว แบบไร้ที่สงสัย…
เอาจริงๆ ถือเป็นทริปเรียกขวัญกำลังใจของพวกเรา สำหรับต้นปี 2559 กันเลยค่ะ ใกล้ๆ สบายๆ จากกรุงเทพฯไม่ต้องนั่งรถทรมานมาก โดยวางแผนไว้ คือ 1. วัดหงษ์ทอง (วัดกลางน้ำ เห็นคนโพสบนเฟสฯ แล้วอยากไปมาก) 2. วัดหลวงพ่อโสธรฯ 3. วัดสมานฯ (พระพิฆเนศองค์ชมพู ปางนอนเสวยสุข) และ สุดท้าย 4. ตลาดน้ำบางคล้า เรียกว่าครบรส กิน เที่ยว ทำบุญกันเลยค่ะ

จาก กทม เราออกจากบ้านเช้าวันเสาร์ ตอน 7.30น ตรงดิ่งไปวัดหงษ์ทองก่อน (คิดว่าไปเช้าๆจะไม่ร้อนดี เพราะวัดอยู่กลางทะเล บ่ายๆอาจจะร้อน และมีไอทะเล) ตอนแรกนึกว่าจะไปยาก เพราะดูจากในแผนที่วัดนี้ยื่นลงไปในทะเลเลย กู้เกิ้ลเจ้ากรรมดันบอกว่า วัดนี้ปิดถาวร แอบตกใจ โชคดีวัดเขามีคนทำเฟสบุคว่าเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 6.00น – 2ทุ่ม เราก็เดินทางไปถึงวัดตอนเกือบๆ 9โมง เรียกว่าใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1.5ชม ค่ะ พอถึงวัด พวกเราก็รีบเดินตรงไปยังพระอุโบสถที่ยื่นลงไปในน้ำกันเลย
ก่อนเดินไป เหมือนทางวัดกำลังมีการก่อสร้างอาคารกตัญญู เป็นอาคารสูง 15 ชั้น ก็ยื่นลงไปในทะเลเหมือนกัน
มาต่อตรงนี้ จุดถ่ายรูป เราว่ามุมนี้ถ่ายแล้วสวยดี มีรูปปั้น เรื่องพระอภัยมณี ที่มีทั้ง สุดสาคร ขี่ม้านิลมังกร  นางยักษ์ พระอภัยฯ และพระฤาษีในน้ำด้วย อย่าไปยืนพิงตรงสะพานนะคะ มันไม่ค่อยแข็งแรง อาจจะตกลงไปได้

WatHongTHong
เข้าไปในพระธาตุคงคามหาเจดีย์ ไหว้พระขอพรฯ แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบน ที่ชั้นสาม ชั้นบนสุดเป็นที่ตั้งพระเจดีย์สีทอง ด้านในบรรจุพระธาตุพระอรหันต์
เดินลง พร้อมแวะชมวิวสวยๆบนชั้นสอง มีกระจกบานใหญ่เลยได้ภาพนี้มา…
มารู้ภายหลังว่าเป็นกระจกส่องด้านนอก แต่ด้านในสามารถมองทะลุผ่านเห็นอีกด้าน
ด้านข้างของพระธาตุคงคามหาเจดีย์ คือพระอุโบสถ หรือโบสถ์ของวัดหงษ์ทองค่ะ
เดินกันเล่นๆ ไม่รีบ โชคดีด้วย คนยังไม่ค่อยมากันเยอะ ที่วัดมีร้านอาหารจ่าทวีติดริมทะเล แลดูบรรยากาศดีมาก แต่พอเดินเข้าร้าน คนในร้าน ทำหน้าเสียบรรยากาศไปนิดนึง พร้อมทั้งมีน้องผู้หญิง ตะโกนมาว่า ให้เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าที่เตรียมให้ด้วย น้ำเสียงห้วนๆ สักพัก น้องผู้ชายตะโกนบอกอีกรอบว่า อยากรักษาความสะอาดให้เด็กเล่นกับพื้นได้ครับ เปลี่ยนก็เปลี่ยนค่ะ!  พวกเรา สั่งผัดกระเพราหมูสับกับไข่ดาวคนละสองฟอง พร้อมต้มจืด 1ถ้วยแบ่งกัน น้ำแข็งสาม น้ำเปล่า 2 ขวด รวมบิลแล้ว สามร้อยกว่าบาท ราคาใช้ได้เลย แต่เรารู้สึกว่า ได้กระเพราหมูนิดเดียว แถมไข่ดาว จะเป็นไข่เจียวอยู่แล้ว (แยกไม่ออกว่าตรงไหนคือไข่ดาว)
สรุป รู้สึกว่าเราน่าจะอดทนไปทานแถวๆวัดโสธรดีกว่า…เพราะแถวๆวัดโสธรฯ จะขึ้นชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ เพราะแค่ผ่านหน้าวัดโสธรฯ แล้วมีป้ายก๋วยเตี๋ยวเต็มไปหมด แต่จากวัดหงษ์ทองมาวัดโสธรฯ ก็เกือบๆ 1ชม อาจจะหิวระหว่างทางได้ พูดแล้วก็แอบเสียดาย…

มาต่อกันที่วัดโสธรฯค่ะ วัดหลวงพ่อโสธรฯ ได้ถูกแต่งตั้งเป็นวัดอารามหลวง ได้ชื่อว่า วัดโสธรวรารามวรวิหาร ดังนั้นพุทธศาสนิกชน หรือ นักท่องเที่ยวจะต้องแต่งตัวเรียบร้อยค่ะ วันนี้เรานึกว่า เราเรียบร้อยแล้ว แต่เสื้อสั้นไปนิดค่ะ จึงจำเป็นต้องสวมเสื้อคลุมที่ทางวัดเตรียมให้…วัดหลวงพ่อโสธรฯ เปิดให้เข้าเวลา 7.00โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นค่ะ
WatSothorn

WatSothorn_01หลวงพ่อโสธรฯ เป็นหลวงพ่อที่ลอยน้ำมาพร้อมกัน 3 องค์ กับ หลวงพ่อบ้านแหลม และ หลวงพ่อโตบางพลี โดยหลวงพ่อโสธรได้แสดงอภินิหารลอยมาขึ้นที่หน้าวัดโสธร แต่ก็ต้องทำพิธีเพื่อช่วยกันยกและฉุดขึ้นจากน้ำ จนเชิญมาประดิษฐานในวิหารได้ในปี พ.ศ. 2313 ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เพียงสิบปี จึงสอดคล้องกับบางตำราที่ว่า ชาวบ้านแถวกรุงศรีฯต้องการป้องกันพระพุทธรูปจากข้าศึก จึงใส่ลงแพไม้ไผ่ล่องน้ำมา แต่เมื่อวางบนแพแล้วดูเหมือนพระพุทธรูปลอยมาตามน้ำ
พระพุทธโสธรรูปปางสมาธิ คือมีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิเพชร พระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางซ้อนกันอยู่­บนพระเพลา มีส่วนสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว พระเพลากว้าง 5 ฟุต 6 นิ้ว มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยลานช้าง พระสงฆ์ในวัดขณะนั้นพิจารณาเห็นว่าอาจจะไม่ปลอดภัยในภายภาคหน้า จึงได้พอกปูนเสริมให้ใหญ่เพื่อหุ้มองค์จริงไว้ภายใน จนมีหน้าตักกว้างประมาณสามศอกครึ่ง อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ไปต่อกันที่วัดสมานรัตนาราม ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดพระพุทธโสธรฯ เพียงแค่ 15-20 นาทีเองค่ะ ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นองค์สีชมพู(สีสวยมาก) ซึ่งองค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุขนี้ หมายถึง ความสุขสบาย, ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน, รื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง, อิ่มหนำ สำราญ มีกินมีโชคลาภ จะนำความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา

อย่าลืม!กับการไปกระซิบหู “ท่านหนูมุสิกะ” ผู้เป็นต้นห้องขององค์พระพิฆเนศ เพื่อฝากคำขอพรต่างๆ ไปยังพระพิฆเนศค่ะ โดยยืนด้านหลังเอาปากพูดตรงหูหนู และเอามือปิดหูของหนูอีกข้างไว้ เพราะเชื่อกันว่า “ท่านหนูมุสิกะ” จะนำข้อความทั้งหมดไปบอกให้องค์พระพิฆเนศทราบ และคำขอพรจะสัมฤทธิ์ผลนั่นเอง

เดี๋ยวไปต่อกันที่ตลาดน้ำบางคล้าค่ะ…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up