English version coming soon!
ถ้าหากใครได้เห็นภาพพระธาตุอินทร์แขวนแล้ว คงต้องเกิดคำถามว่า หินก้อนนั้นตั้งอยู่ได้อย่างไรและทำไมไม่ตก??? และสำหรับเราแล้วทำให้รู้ได้ทันทีว่า หากได้มีโอกาสไปเที่ยวพม่า จะต้องไปดูเจ้าก้อนหินปริศนาก้อนนี้ให้ได้!
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (ภาษาพม่า) ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองย่างกุ้ง แต่ห่างไกลออกไปโดยใช้เวลาขับรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง ทางไปพระธาตุอินทร์แขวน จะผ่านเมือง พะโค (Bago) ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น สุสานสงครามโลกครั้งที่สอง พระธาตุมุเตา วัดพระนอนฯลฯ ดังนั้น ถ้าหากจัดทริปเอง ต้องคำนึงถึงเวลาการเดินทางให้ดี โดยพวกเราตัดสินใจนอนค้างคืนที่โรงแรมเม้าท์เท่นท็อป บนเขาปองลอง (Paung Laung) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุอินทร์แขวน
เราเริ่มออกเดินทางจากโรงแรมปาร์ครอยัล ในเมืองย่างกุ้งประมาณ 8.30น. วันนี้มีเพียงคนขับรถ นายวิน ซึ่งเป็นคนขับรถคนเดียวตลอดทริปของพวกเราที่นี่ นายวินพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เพราะเคยไปเรียนที่ประเทศอังกฤษมา 1 ปี นับว่าเป็นโชคดีของพวกเรา ที่ได้นายวินมาขับรถให้!
ขับรถได้ประมาณ 30นาที นายวิน ก็แว่ะสุสาน สงครามโลกครั้งที่ 2 และ ตลาดนัดท้องถิ่น ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดใน ทริปที่เมืองพะโค (เร็วๆนี้) จากนั้น นายวินก็ยิงยาว ขับผ่านทุ่งนา ซึ่งมองดูแล้วเหมือนประเทศไทยเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วค่ะ ชาวนาเดินจูงวัว จูงควาย และตั้งแถวเกี่ยวข้าวกันอย่างพร้อมเพรียง ภาพแบบนี้ หาดูได้ยากในประเทศไทย เพราะบ้านเราต่างก็มีรถเกี่ยวข้าว และเครื่องยนต์ต่างๆ ในการทำนากันหมดแล้ว
ยอมรับว่า 3-4 ชั่วโมงในการเดินทาง พวกเราต้องการห้องน้ำตั้งแต่ชั่วโมงแรกๆ แล้ว แต่ไม่มีปั้มน้ำมันให้แว่ะเหมือนบ้านเรา จนถึงแคมป์คิมปูน (Kimpun Camp) เชิงเขาของพระธาตุอินทร์แขวน ที่รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปที่สักการะพระธาตุอินทร์แขวน (โดยเขาไม่อนุญาติให้รถส่วนตัวขึ้นค่ะ มีเพียงรถบรรทุกนี้เท่านั้น) ที่ตรงเชิงเขานี้มีร้านอาหาร ซึ่งมีห้องน้ำสะอาดมาก!!! อาหารก็ราคาถูกและรสชาดดีด้วยค่ะ…
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง นายวิน เดินพาพวกเรามาส่งขึ้นรถบรรทุก และนี่ก็คือโฉมหน้าของยานพาหนะที่จะนำเราขึ้นไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนกันค่ะ…
เราสำรวจและมองดูรอบๆแล้ว ไม่มีป้ายตารางเวลาการเดินรถ หรือป้ายอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษเลย เขามีแต่ป้ายเป็นภาษาพม่าค่ะ โชคดีที่เรายังมีนายวิน คอยช่วยบอก แต่พอเดินขึ้นรถบรรทุกแล้ว นายวินกล่าวลาพร้อมนัดแนะว่าจะรอรับอยู่ที่นี่พรุ่งนี้เช้า จากนั้นเราก็เริ่มเดินทางกันเอง
สรุปแล้ว ถ้ามีรถมาจอด แล้วว่าง ให้เดินขึ้นไปเลยค่ะ ไม่ต้องซื้อตั๋ว เพราะว่า เขาจะเก็บเงินตอนอยู่บนรถ ขึ้นรถแล้ว ต้องรีบนั่ง เพราะที่นั่งบนรถเป็นเพียงแค่ท่อนไม้หุ้มพลาสติก ถ้าไม่เต็มหรือไม่ได้จำนวนคนที่เขากำหนดไว้ รถก็ไม่ออกเดินทาง ตอนนั่งรอ ร้อนมากขาเริ่มชาและเป็นตะคริว เพราะว่านั่งได้แค่ครึ่งก้นจริงๆ แถมยังเบียดกันสุดๆ…
ขณะที่นั่งรอรถออกจากท่า รอบๆ รถมีคนขายชุดกันฝน ซึ่งถ้าหากมาหน้าฝน และไม่ได้เตรียมชุดกันฝนมา ขอแนะนำ และ ยืนยันว่า ควรซื้อชุดกันฝน แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นฤดูฝนหรือเปล่า แต่เห็นคนยืนขายแบบนี้ ซื้อเก็บไว้เลยค่ะ เพราะคนท้องที่เขาจะรู้ดีว่า ที่นี่มีแค่สองฤดูเท่านั้น คือ ฤดูฝนตก กับ ฤดูฝนไม่ตก…
และถ้าฝนตกขึ้นมา ชุดกันฝนจะกลายเป็นชุดมหัศจรรย์ทันที เพราะว่าฝนตกที่นี่ตกแรง ตกหนัก และตกตลอดเวลาค่ะ สนนราคาชุดกันฝนที่เขาขายคือชุดละ 1000 จ๊าด หรือ 1 ดอลล่าร์ หรือ ประมาณ 30 บาทเท่านั้นค่ะ
ก่อนรถออก คนเก็บค่าโดยสารโผล่มาจากไหนไม่รู้ เท่าที่เรารู้คือต้องจ่ายเงิน คนละ 2,500 จ๊าด เพราะนายวินบอก นี่เป็นค่าโดยสารไปจนถึงยอดเขา (แต่ยังไม่ถึงพระธาตุฯ) หากลงระหว่างกลางทางจะถูกกว่า แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไปเอง(แสนไกล) เราจึงนั่งยาวไปจนถึงยอดเขาค่ะ แต่อย่างที่บอกว่า ฝนตก และ ตกหนักมาก ทำให้ทุลักทุเล แต่ก็สนุก เพราะน้องๆ พม่าข้างหลังกางร่ม แถมยังดึงเราเข้าไปในร่มแบบเป็นห่วงเป็นใย แบบนี้นี่เองที่เขาเรียกว่าเสน่ห์ของการผจญภัย เพราะเราจะได้เพื่อนแท้ระหว่างเดินทาง… |
ทางขึ้นเขา แม้ทางจะปูด้วยคอนกรีตตลอดทาง แต่ก็คดเคี้ยว ลดเลี้ยว ชวนหวาดเสียวได้เรื่องเช่นกัน
วิ่งมาได้ 15นาที จู่ๆ รถบรรทุกก็หยุดจอด และจอดนานด้วยค่ะ ประมาณ 30 นาที โดยเขาหยุดเพราะว่ารอให้รถที่กำลังลงเขา สวนทางลงไปก่อน รถของพวกเราถึงจะขึ้นต่อไปได้ แบบนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้พวกเรารู้ว่า การมาพระธาตุอินทร์แขวนไม่สามารถจะกำหนดเวลาได้เลยจริงๆ (โชคดีที่เราตัดสินใจค้างคืนที่นี่)
วันนี้ ฝนตกหนักจนถ่ายรูปไม่ได้ แต่เมื่อรถจอด และทุกคนลงจากรถกันหมด นั่นคือสัญญาณทำให้เรารู้ว่า ถึงยอดเขาแล้ว พวกเราก็รีบลงและเดินตามเขาไป ช่วงที่เดินจะมีลูกหาบ และคนรับจ้างแบบกกระเป๋ามาคอยให้บริการ จริงๆ พวกเรามีกระเป๋าเป้ใบใหญ่เพียงใบเดียว แต่ไม่รู้ว่าโรงแรมเม้าเท่นท็อป อยู่ไกลหรือเปล่า จึงจ้างเขาแบกกระเป๋า (และนำทาง) เขาคิดราคาแบกที่ 500 จ๊าดค่ะ แต่ปรากฏว่าโรงแรมเม้าเท่นท็อปอยู่ห่างจากจุดที่จอดไม่เกิน 200 เมตร!!! ส่วนลูกหาบ ใช้คนหาบสี่คน แบกคนได้คนเดียว ราคาตามที่ไกด์บอกคือ 650 บาท แต่ว่า บังคับให้ทิปคนหาบอีกคนละ 100 บาท…
ราคาโรงแรมของพวกเรา รวมในแพคเกจทัวร์ที่ย่างกุ้งแล้ว แต่เราเห็นคนข้างๆ เช็คอินและจ่ายเงิน คืนละ 35ดอลล่าร์ ภายในห้องเป็นห้องพัดลม สะอาด แต่ก็มีแค่ของใช้จำเป็นเท่านั้น ส่วนโทรทัศน์มีช่องภาษาไทยด้วยหนึ่งช่อง ตอนเย็นเราทานอาหารเย็นในโรงแรมเลยค่ะ สนนราคามื้อเบาๆ ของพวกเราที่ 30 เหรียญ หรือประมาณ 900-1000 บาท
คืนแรก พวกเราก็รอให้ฝนหยุดตก เพราะตั้งแต่มาถึงโรงแรมเกือบๆ ห้าโมงเย็น จนทุ่มกว่าแล้ว ฝนก็ยังตกแบบไม่แคร์สื่อ สุดท้ายที่เวลาเกือบสองทุ่ม จู่ๆ ฝนก็หยุดตก พวกเราเลยรีบใส่ชุดกันฝนแล้วเดินไปยังพระธาตุอินทร์แขวนกัน ทางเดินไม่ลำบากเลย แต่หนาว จากโรงแรมเม้าเท่นท็อป ก็จะผ่านจุดเก็บเงินค่าเข้าชมพระธาตุ คนละ 6,000 จ๊าด หรือ 6 ดอลล่าร์ เดินผ่านมาอีกหน่อยเป็นโรงแรมไจท์ทิโย (บนภูเขามีแค่สองโรงแรมนี้ค่ะ)
เดินต่อไปอีกนิด ไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงทางเข้าชมพระธาตุฯ ณ จุดนี้ต้องถอดถุงเท้า รองเท้าแล้วค่ะ มีลุงคนหนึ่ง มีตู้เก็บรองเท้า แอบได้ยินไกด์คนไทยตะโกนบอกลูกทัวร์ว่า ให้เงินลุง “สามคู่ ห้าสิบบาท” เราเลยรู้ทันทีว่า เดี๋ยวฝากรองเท้าในตู้สองคู่ จะให้เงิน 1,000 จ๊าด หรือ ประมาณ 30 บาท (ซึ่งดูท่าทางลุงดีใจมากค่ะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า จริงๆ คิดราคาเท่าไร หรือว่าฟรี เห็นเขาให้เงิน ก็ให้ตามเขาค่ะ)
ทางเดินไปพระธาตุฯ ค่อนข้างลื่น เพราะเป็นพื้นหินอ่อน ประกอบกับฝนตก มืด สลัวๆ แต่เมื่อเดินไปจนถึงพระธาตุฯ เห็นก้อนหินสีทองสุกสว่างผ่านหมอก และความมืด เท่านั้นแหล่ะค่ะ ความเหนื่อยความหนาว หายเป็นปลิดทิ้ง หินเขาลอยเคว้งคว้าง จะตกไม่ตกแหล่ แบบนี้นี่เอง ที่เขาว่า พระอินทร์มาแขวนไว้ จนได้ชื่อว่า “พระธาตุอินทร์แขวน” ใครเลยจะเชื่อ ว่าหินน้ำหนักกว่า 600 ตัน มีเส้นรอบวงประมาณ 15 เมตร และมีจุดสัมผัสไม่ถึง 1 ตารางเมตรบนฐาน หรือ บนหน้าผา แถมยังสูงถึง 3,615 ฟุต (ประมาณ 1,200 เมตร) จากระดับน้ำทะเล จะยังคงตั้งเด่นเป็นสง่า ท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็น
มีตำนานเล่าขานกันในสมัยพุทธกาลว่า ฤๅษีติสสะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ส่วนฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขารเต็มที เขาตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของเขา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยเสาะหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้ท้องมหาสมุทรและนำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน
พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น1 ใน 5 บูชาสถาน ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดในปีนี้ต้องไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน สักครั้งหนึ่งในชีวิต…
พ.ศ. | 2501 | 2513 | 2525 | 2537 | 2549 | 2561 | 2573 | |
ค.ศ. | 1958 | 1970 | 1982 | 1994 | 2006 | 2018 | 2030 |
ตอนกลางคืน เรามองไม่ค่อยเห็น ร้านค้าและทุกอย่างปิดหมด พวกเราจึงกลับมาชมพระธาตุอีกครั้งในตอนเช้า (ไม่เสียค่าเข้าชมเพิ่ม)
เพราะในตอนเช้า รู้สึกสถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวาขั้นมาทันที ชาวพื้นเมืองนำของมาขาย โดยเฉพาะท่อนไม้ทานาคา ท่อนไม้ที่คนพื้นเมืองนำไปบดถูแล้วนำยางไม้มาทาหน้ากันแดดกันฟ้า นอกจากนั้นยังมีสาธุชนที่ต่างก็หลั่งไหล เดินทางมากราบไหว้พระธาตุฯ กันอย่างเนืองแน่นอีกด้วย
สำหรับผู้ชายได้รับอนุญาติให้เดินเข้าไปใกล้หินได้มากที่สุด แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ ตรวจสัมภาระก่อนเดินเข้าไปด้วย แต่ต้องระมัดระวังค่ะ เพราะว่า บริเวณหน้าผานั้นลื่นมาก อาจจะเป็นเพราะฝนตก แต่ทำไมหินไม่ลื่นตกลงไป???
ส่วนผู้หญิงก็ได้แต่ถ่ายรูปอยู่รอบๆ ค่ะ เพราะว่า เขาห้ามผู้หญิงเข้าไปในบริเวณหิน หรือ พระธาตุฯ อย่างเด็ดขาด…แต่ทางเดินเข้ามาชมพระธาตุอินทร์แขวน มีหินก้อนหนึ่ง มีลักษณะคล้ายๆ กับหินพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งเรา(ผู้หญิง)สามารถเข้าใกล้ และถ่ายรูปได้
ทุกท่านสามารถช่วยทำบุญ บำรุงค่าน้ำค่าไฟ ตามแต่ศรัทธาได้อีกด้วย…
ขากลับก่อนเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม มีของที่ระลึกขายตลอดทางด้วย ที่เราชอบเป็นพิเศษคือ พระธาตุจำลอง ที่มีหลายขนาด โดยราคาเริ่มที่ 1,000 จ๊าดค่ะ และที่นี่ใช้เงินไทยได้ด้วยค่ะ
พระธาตุอินทร์แขวน และความมหัศจรรย์ของการตั้งอยู่ของก้อนหินแห่งศรัทธานี้ เป็นแรงบันดาลใจ และเพิ่มแรงแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้เรามีโอกาสเดินทางมากราบไหว้ในครั้งนี้ หากท่านมีโอกาสไปเที่ยวประเทศพม่า อย่าลืมไปไหว้สักการะพระธาตุอินทร์แขวนให้ได้นะคะ
ขอต่ออีกนิด ที่ตอนเดินทางกลับที่แคมป์คิมปูน รถบรรทุกจะจอดตรงร้าน SUPER JAM (เราชอบชื่อร้านมาก) ขายผลไม้กวน และ แช่อิ่ม แว่ะลองชิม และถ้าชอบก็ซื้อหากลับไปทานเล่นได้ ราคาเริ่มที่ถุงละ 500 จ๊าดค่ะ คนพื้นเมืองแนะนำว่า ทุเรียนกวนอร่อย แต่เราชอบมะม่วงแช่อิ่มแบบเผ็ดนิดๆ อร่อยมากๆ!
อ่านทริปทั้งหมดของพวกเราที่เมืองย่างกุ้งได้ที่: https://www.somethingjam.com/jammin-south-east-asia/myanmar/yangon
รีวิวนี้ดีมากๆๆเลยค่ะ กำลังตัดสินใจว่าจะไปไหว้อยู่พอดี ขอบคุณมากๆๆนะคะ
ส่งไปทางอีเมล์แล้วนะคะ…ต้องขอโทษที ข้อความหลุดไป เลยตอบช้าค่ะ…
รบกวนหน่อยนะครับ ว่าถ้าต้องการจองโรงแรม Mountain Top จองยังไงครับ