เมื่อตอนเรามาถึงหัวหิน ในหัวเราก็ยังมึนๆ ว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวที่ไหนกันดี แต่ขณะที่เช็คอินโรงแรมแล้วรอห้องอยู่นั้น นั่งอ่านโปรแกรมทัวร์ของทางโรงแรมเล่นๆ ก็เห็นภาพถ้ำพระยานคร กับน้ำตกละอูที่ดูจะเป็นที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ตรงกับความต้องการของพวกเราสุดๆ แต่ว่า พวกเรามีเวลาเต็มๆ แค่วันเดียวก็เลยโหวตที่ไปเที่ยวถ้ำพระยานคร ที่เขาสามร้อยยอดกันในครั้งนี้
ถ้าไปทัวร์กับโรงแรม สนนราคาเรียกว่า โหดเอาการ คือ คนละ 1,800 บาท แต่ก็คงเป็นทัวร์แบบ exclusive คือมีไกด์และรถแบบไฮโซหน่อย แต่อย่างพวกเราไม่ต้องการความไฮโซก็ได้ ขอแค่ถูกและสมราคาก็พอ พวกเราเลยเหมารถแท็กซี่ในหัวหิน เขาคิดราคาเท่าๆกันค่ะ อย่างพวกเราเขาคิด ค่ารถ รวมน้ำมัน และคนขับแล้ว 1,500 บาท ถ้าไปเขาสามร้อยยอดอย่างเดียว แต่ถ้าหากไปวัดห้วยมงคลด้วยเขาคิดเพิ่มอีก 200 บาท
สรุปพวกเราสี่คน เหมารถไปเขาสามร้อยยอด คือไปเที่ยวถ้ำพระยานครอย่างเดียว เป็นราคา 1,500 บาท เฉลี่ยแล้วก็ตกคนละ 375 บาทเองค่ะ ถูกกว่า โฮกๆๆ
ส่วนใหญ่คนท้องถิ่นที่นี้จะเรียกแทนเขาสามร้อยยอด ว่าทัวร์ไปเที่ยวถ้ำพระยานคร แรกๆ เราก็งง ว่าไม่เหมือนกันเหรอ? จริงๆ เหมือนกัน ที่เดียวกัน แต่ว่า คนส่วนใหญ่ไปเที่ยวเขาสามร้อยยอด จะไปเที่ยวถ้ำซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีใครไปเดินสำรวจป่า หรือ เล่นน้ำที่นั่น จึงไม่แปลกเลยว่า ทัวร์หลายๆ ที่จะเรียกว่า ทัวร์ถ้ำพระยานคร…
เราเริ่มทัวร์ตอน 9 โมงเช้า คนขับแท็กซี่ขับแบบสบายๆ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็ถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดใ
มีค่าธรรมเนียมในการเข้าอุทยานฯท่านละ 40 บาท แต่ชาวต่างชาติคนละ 200 บาท เด็กๆ จะจ่ายราคาครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดมีลักษณะโดดเด่นตรงที่ตอนกลางเป็นเทือกเขาหินปูนสูงชัน ด้านตะวันตกเป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมขับ ส่วนด้านตะวันออกเป็นหาดโคลนปนทรายไปจดชายฝั่งทะเล ความหลากหลายของภูมิประเทศนี้เองที่ทำให้อุทยานฯแห่งนี้มีความหลากหลายของสรรพชีวิตทั้งบนบกและในน้ำ แถมยังเป็นแหล่งอาศัยของนกน้ำกว่า 300 ชนิดอีกด้วย
สำหรับเรา มองจากภายนอก เหมือนอุทยานแห่งนี้มีเขาอยู่สามลูก ส่วนถ้ำพระยานครนั้นอยู่ตรงกลาง ดังนั้น ถ้าจะไปเที่ยวถ้ำฯ ต้องปีนเขาไปลูกนึงก่อน!
แต่ด้วยนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ได้เกิดมาแบบฟิตเปรี๊ยะทุกท่านไป ทางอุทยานมีเรือหางยาวไว้บริการการ โดยคิดค่าบริการท่านละ 100 บาท (ไปกลับ) เขาจะให้เป็นหมายเลขเรือมาค่ะ
ซื้อตั๋วแล้วต้องเดินไปขึ้นเรือกันเอาเอง ต้องเดินผ่านหาดโคลนปนทราย เหนียวๆ หนืดๆ นุ่มๆ ไม่ว่าจะใส่รองเท้าอะไรมาก็ต้องถอดค่ะ เพราะที่ขึ้นเรือ ไกลโพ้น!!!
แต่ขอบอกว่า เวลานักท่องเที่ยวเยอะๆ นี่ชุลมุนมากๆ อย่างพวกเราในวันนี้ รอเรือนาน แล้วพอเรือมา ทุกคนก็โดดขึ้นเรือ โดยไม่สนใจหมายเลขเรือที่ตัวเองซื้อมาเลยค่ะ
แถมลุงคนขับเรือที่เราขึ้น ก็มัวแต่กังวลว่าเรือแกจะเลอะ แกตะโกนให้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือ คือลุงค่ะ ก็ไม่มีใครอยากเท้าเปื้อน ก็เดินผ่านโคลนมาขนาดนี้ จะให้ล้างให้สะอาดยังไงล่ะค่ะ อีกอย่างถ้ากลัวเรือเลอะก็น่าจะรับจ้างขายดอกไม้ดีกว่าไหม???
ขอเป็นกระบอกเสียงให้อุทยานฯ ปรับปรุงด้วยค่ะ เพราะ คำพูดและสีหน้าลุงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยเลยจริงๆ ได้ยิน ได้เห็นแล้วก็แอบเศร้าและเซง…
แต่พวกเราทำเนียนๆ ฟังผ่านๆ หู กระโดดขึ้นเรือไปเลยดีกว่า เท้าใครเท้ามันล่ะงานนี้…
จากนั้น เรือก็วิ่งอ้อมเขาลูกนั้นมาจนถึงชายหาดอีกด้าน ตอนเรือวิ่งมา เรามองขึ้นไปบนเขา นี่ใครเลือกที่จะมาถ้ำด้วยการปีนเขามาล่ะก้อ คงปีนกันสาหัสน่าดู เพราะนี่ไม่ใช่เขาลูกเล็กๆ เลย
ใช้เวลานั่งเรือไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้น (แล้วลุงขับเรือจะดราม่าเรื่องความสะอาดเรือทำไมก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่คนที่เห็นในรูปนะ)
จากจุดลงเรือ เดินตรงดิ่งเข้าไปเลย จะเห็นทางขึ้นไปถ้ำพระยานครค่ะ จากจุดนี้ป้ายบอกว่าขึ้นไปเพียงแค่430เมตรเท่านั้น แต่ป้ายนี้ไม่สำคัญเท่าป้ายนี้ค่ะ คือ ป้ายเตือนว่า อย่าฝืนสังขาร…
มันเหนื่อยจริงๆ ค่ะ แม้ว่าเห็นป้ายบอกแค่ สี่ร้อยกว่าเมตร แต่เราลองเปิด app แล้วนับเก้าเวลาเดิน วัดได้ระยะทางประมาณ 750 เมตรแน่ะ
ก่อนอื่น อย่าลืมใส่รองเท้าที่เหมาะแก่การปีนเขานะคะ ควรพกน้ำดื่มไปด้วย เพราะว่าในถ้ำฯไม่มีของขาย เดินขึ้นเดินลงจะกระหายน้ำมากๆ ซื้อเตรียมมาเลยค่ะ
และในที่สุด พวกเราก็เดินมาถึงปากถ้ำแล้วค่ะ เหนื่อยจนลิ้นจุกปากกันเลยทีเดียว
ภายในถ้ำพระยานครนั้นมีเพดานถ้ำสูงโปร่ง ทำให้ไม่อึดอัด และสูดสมหายใจได้เต็มปลอด ภายในน้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม บ้างก็มีลักษณะแปลกตา บ้างก็มีลักษณะเหมือนน้ำตก…
แต่จุดเด่นของถ้ำก็คือ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” ที่เวลากูเกิ้ลรูปภาพเกี่ยวกับถ้ำพระยานครทีไร ก็จะมีภาพนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับพระที่นั่งทรงไทยที่สวยสง่ากลางถ้ำ โดยพระที่นั่งนี้เป็นพลับพลาแบบจตุรมุท สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวที่พระองค์ทรงเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ในปี พ.ศ 2433
โดยนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปบริเวณรอบๆ พระที่นั่งได้ แต่องค์พระที่นั่งไม่ได้เปิดให้เข้าชมใกล้ๆค่ะ
ด้านข้างๆ พระที่นั่ง ที่เป็นกำแพงหิน และอาจจะมีคนยืนมุงถ่ายรูปกันอยู่ ก็เพราะว่าที่กำแหงหินนี้มีพระปรมาภิไธยย่อในรัชกาลที่ 5 (จปร) และรัชกาลที่ 7 (ปปร) เป็นตัวหนังสือใหญ่สีขาวสะดุดตา
เดินชมรอบๆ ถ้ำ อุ้ยนี่มันใบอะไรเนี่ย?!?!? สวยจัง ใบสีเขียวใหญ่ ใสสด แถมยังมันวาบเป็นธรรมชาติ เพื่อนเรา เอซี่ อดใจไม่ไหว เอามือไปจับเล่น แต่พอเดินมาดูอีกด้าน เขามีป้ายห้ามจับใบพวกนี้ค่ะ เพราะว่ามีพิษ!! เอซี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มีปุ่มบวมแดงนิดนึงที่หัวแม่มือทันที แต่ก็ยุบและหายไปในเวลาไม่กี่นาทีค่ะ ดีที่เขาจับเล่นๆ นิดเดียว…
ใช้เวลาเดินวนในถ้ำจนแน่ใจว่า พร้อมที่จะเหนื่อยอีกรอบ จึงเดินลงจากถ้ำ และไปรอขึ้นเรือตรงแถวๆ บริเวณหน้าหาด จริงๆแถวๆนี้มีทั้งห้องน้ำ และร้านอาหารด้วยนะคะ แต่พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอเรือกลับ
แต่แอบนอยเจ้าหน้าที่ เพราะพวกเราซื้อตั๋วเรือไปกลับ แต่ให้พวกเราต่อแถวรอ แต่คนที่เดินขึ้นเขามา แต่กลับไม่ไหว จะกลับด้วยเรือ เจ้าหน้าที่ก็ขายตั๋วให้แต่พอเขาซื้อตั๋วปุ๊บ เจ้าหน้าที่ให้กลุ่มคนพวกที่เพิ่งซื้อตั๋ว เดินไปขึ้นเรือทันที (ทำแบบนี้จนคนที่ต่อแถวเกือบจะเฮ) งงเลย พวกเราซื้อตั๋ว ไป-กลับ มาแล้วกลับต้องต่อแถว แถมยืนตากฝน เอ่อ ที่นี่คงต้องมีการจัดระเบียบและเรียงลำดับความถูกต้องสักนิดไหมค่ะ???
อ่ะๆๆ ได้ขึ้นเรือแหล่ะ ถึงฝั่งได้ ในที่สุดพวกเราก็ทำได้!!!
ขึ้นฝั่งแล้ว ต้องหาที่ล้างเท้าค่ะ เขามีเตรียมทีล้างเท้าไว้ที่ห้องน้ำนะคะ ล้างเท้าฟรี แต่ถ้าเข้าห้องน้ำ 5 บาทค่ะ
รอบๆ บริเวณนี้ นอกจากจะเป็นลานจอดรถแล้ว ก็มีร้านอาหารหลากหลายเมนู สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ หรือแม้แต่ร้านของขวัญของฝาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหอยบ้างหินบ้าง งานประดิษฐ์ของคนพื้นถิ่นบ้าง ให้เลือกซื้อเลือกหากันมากมายหลายร้าน
ระหว่างทางกลับไปโรงแรมพวกเราที่หัวหิน แว่ะทานอาหารกลางวันที่ หาดเขาตะเกียบ หรือที่เขาเรียกกันว่า Dolphin Bay คือเรียกตามรีสอร์ทดังที่นี่ คือ โดลฟิน เบย์ รีสอร์ท เราก็แว่ะทานอาหารที่นี่นั่นแหล่ะ อาหารก็รสชาดฝรั่งสุดๆ แถมแปลกตรงที่ไม่ค่อยมีเมนูซีฟู้ด!!! คงเป็นเพราะรีสอร์ทแห่งนี้ฝรั่งเยอะมากๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าเขารู้กันได้ยังไง ว่าต้องมาพักกันที่นี่ เพราะว่าไม่ได้ใกล้ตัวเมืองหัวหินเลย แต่แอบเห็นว่า ชายหาดบริเวณนี้น้ำใสมากๆ (ใสกว่าที่หัวหินอีกค่ะ!!!)
จบทัวร์กันวันนี้ประมาณเกือบๆ สี่โมงเย็น พวกเราทั้งเหนื่อย ทั้งเปียก ทั้งเละ ทั้งเหม็น เลยต้องให้เวลาทุกคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมกันก่อน ก่อนที่พวกเราจะไปเที่ยวสถานที่อื่นๆ ของหัวหิน!!!
เดินทางวันที่: 12 ก.ค. 2557
One thought on “ไปเที่ยวถ้ำพระยานคร และแว่ะไหว้พระที่วัดห้วยมงคล หัวหิน”