เกาะกูดจะสวย น้ำตกมีน้ำมาก และ น้ำในทะเลใสปิ๊ง ช่วงหน้าหนาวของไทย (คนขับเรือบอกว่า พฤศจิกา ถึง กุมภาพันธ์ นี่คือ มาได้เลย)
ก่อนจะตัดสินใจจะไปเกาะกูด เราก็แอบคิดว่า ตั๋วเรือแพงเหมือนกันนะ เที่ยวละ 600บาท ต่อคน ไปกลับก็ 1200 บาท แล้ว ตอนที่เราไปเปอร์โตริโก ก็นั่งเรือไปเกาะเป็นชั่วโมงเหมือนกัน แต่ค่าเรือเขาเที่ยวละไม่ถึง 100บาท ($2) ต่อคน ซึ่งค่าครองชีพของชาวเปอร์โตริโกสูงกว่าเรามากๆ ไม่แน่ใจว่าบริษัทเรือนั้นเป็นของรัฐบาลเขาหรือเปล่า เพราะราคาคนท้องถิ่นจะถูกกว่านักท่องเที่ยวไปอีก (แค่แอบแปลกใจราคาเรือบ้านเราเฉยๆ) …
ท่าเรือที่ไปเกาะกูดจริงๆ มีมากกว่า 1ท่า แต่ส่วนใหญ่จะไปที่ท่าเรือแหลมศอก เรือข้ามเกาะก็มีหลายบริษัท ที่ได้รับความนิยมมากๆ (และคนก็มากด้วยเช่นกัน)ก็คือ ท่าเรือบุญสิริ เขามีบริการแบบต่อรถลงเรือ จากหลายที่ รวมทั้งจากกัมพูชาด้วย! ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ไปเกาะกูดไม่ใช่แค่คนไทย หรือคนต่างชาติในประเทศไทย แต่มีนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาแว่ะมาเที่ยวด้วย
ท่าเรือ เกาะกูดเอ็กซ์เพรส ดูจะเงียบเหงากว่าท่าเรือบุญสิริ แต่ อาจจะดีตรงที่ไม่วุ่นวาย แถมราคาก็เท่ากัน นอกจากนั้น ยังมีเรือสปีดโบ้ทด้วย ซึ่งก็ราคาเท่ากับเรือลำใหญ่เลย แต่ เรือสปีดโบ้ทอาจจะทำให้รู้สึกเมาเรือมากกว่า (ใช้เวลาเดินทางเท่ากัน เรือสปีดโบ้ทจะจอดใกล้ รีสอร์ทไฮท์ซีซั่นมากกว่าเรือลำใหญ่ด้วย)
ตอนขาขึ้นเรือ บุญสิริ ดูวุ่นวาย แต่ก็ไม่เลวร้าย เราซื้อตั๋วออนไลน์ แต่ต้องไปรับตั๋วขึ้นเรือจริงๆ ก่อน โดยเจ้าหน้าที่แนะนำว่า มีห้อง VIP ด้วย ถ้าอยากอัพเกรด เพียงคนละ 100บาท เท่านั้น ตอนนั้นเราคิดว่า ทิมน่าชอบเดินเล่นด้านนอก ก็เลยไม่ได้อัพเกรด แต่ตั๋ว 600 ก็คือได้นั่งในห้องแอร์ปกติ อย่างเรามาเช็คตั๋วได้คิวที่ 116-117 โดยเขาเรียกขึ้นรถลางตามลำดับเลขที่ที่ได้มา แล้วไปส่งขึ้นเรือ พวกเราเข้าไปในเรือยังมีที่ว่างให้เลือกนั่งได้สบายๆ แต่ถ้าได้ลำดับคิวแบบ 180 ขึ้นไป ตอนขึ้นเรือก็อาจจะเหลือที่นั่งก็น้อยลง คือถ้ามาด้วยกันเป็นคู่ อาจจะต้องได้นั่งแยกกัน หรือได้นั่ง แต่ที่ที่เหลือตอนนั้น
ตอนที่เขาเรียกขึ้นรถลาง เขาจะให้เราเอากระเป๋าใบใหญ่ ใส่ด้านหน้า พอถึงท่าเรือ เราก็แค่เดินขึ้นเรือไป เขาจะยกกระเป๋าขึ้นเรือให้เอง
ตอนนั่งเรือใหญ่ ก็ไม่ค่อยเมาเรือ แต่ ตอนที่เรือจอด แล้วทุกคนพร้อมที่จะลงพร้อมกัน คือเขาไม่ได้เรียกตามเลขที่แล้ว คราวนี้คนที่ลง กับกระเป๋าที่โหลดลง มันไม่เป็นไปตามเจ้าของกระเป๋า ดังนั้นคนที่ลงไปแล้วก็ยืนออ อยู่ด้านนอกเพื่อรอกระเป๋า แล้วทางที่ยืนรอก็เป็นสะพานปูนแคบๆ ตอนที่เราเดินออกมา เราก็ไม่แน่ใจว่า กระเป๋าเราออกมาหรือยัง แล้วเรากลัวมากเพราะเอาพาสปอร์ต ไอแพด เงินสด ใส่ไว้ในกระเป๋าหมดเลย โชคที่เดินออกมาแล้วเจอกระเป๋าตั้งอยู่ คือตั้งอยู่ริมๆ ทาง ซึ่งเราก็แบบห่วงว่า ใครๆก็ลากเอาไป หรือ ใครก็ชนมันตกก็หล่นลงไปในทะเลได้
ตอนนั้น เรากับทิมได้แต่ส่ายหน้า แบบ โอย ทำไมขาลงจากเรือเป็นแบบนี้ แถมมีคนที่รอขึ้นเรือรอบถัดไปอีกเป็นร้อย คือชุลมุนมากๆ
หลังจากนั้น เราคิดตลอดเวลาว่า จะทิ้งตั๋วเที่ยวกลับ ราคา 1200 บาท แล้ว ไปขึ้นเรือสปีดโบ้ทดีหรือไม่ เพราะ ไม่ไหว จริงๆ
แต่พอถึง รีสอร์ทฯ เราก็ถามว่า ทางรีสอร์ทฯ ไม่มีเรือรับส่งลูกค้าเหมือนแบบรีสอร์ทในเครือกัปตันฮุกฯบ้างเหรอ? น้องๆ ก็ตอบว่า ทางรีสอร์ทมีแต่ แบบเหมาเที่ยวไปเลยคือ เที่ยวละ 22,000 บาท (ซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่ม หรือ เป็นครอบครัวใหญ่) แต่น้องๆ บอกว่า ขากลับคงไม่มีปัญหาแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ จะลงเกาะ วันเสาร์ แล้ว กลับวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่พวกเรามาถึงเกาะ ก็เลยดูเหมือนวุ่นวายไปนิด
เอาจริงๆ คนส่วนใหญ่จะซื้อแพคเกจมาเกาะกูด แบบ 3วัน2คืน ที่รวมดำน้ำตกหมึกอะไรด้วย แต่พวกเราอยากอยู่สัก 3 คืน ก็เลยจ่ายแต่ค่ารีสอร์ทไปเลย3คืน
แล้วเอาจริงๆ พวกเราก็แอบคิดว่า 3คืนที่เกาะกูดยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ เพราะเรามาช่วงหน้าฝน วันไหนฝนตกก็เสียไปวันนึงเลย แต่เราโชคดีที่เราติดฝนแต่ก็ยังได้ไปน้ำตกคลองเจ้า และดำน้ำด้วย
ทริปนี้เป็นทริปวันเกิดทิมด้วย เราก็เลยเขียนอีเมล์ไปสอบถาม ทางรีสอร์ทฯ ว่าเราขอสั่งเค้กวันเกิดได้ไหม? ทางรีสอร์ทรีบตอบกลับมาว่า ทางรีสอร์ทมีเค้กวันเกิดให้อยู่แล้ว และสามารถตกแต่งประดับเตียงให้ด้วยได้ ซึ่งเราได้คุยตอบกับคุณ Chama ซึ่งก็ตอบอีเมล์แบบให้ความสำคัญกับเรามากๆ เนื้อหาการโต้ตอบก็ต่อเนื่อง
ตอนนั้นเราสอบถามไปด้วยว่า ทางรีสอร์ทจะมารับเราที่ท่าเรืออ่าวสลัดไหม? เป็นท่าเรือเดียวที่เรือเฟอรี่ใหญ่ๆ ทุกบริษัทจะมาจอดรับส่งนักท่องเที่ยว) ซึ่งโดยทั่วไป ตั๋วเรือ จะรวมกับรถรับส่ง จากท่าเรือ ไป โรงแรมหรือรีสอร์ทฟรี แต่ทางไฮซีซั่น มีบริการไปรับนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือด้วย แต่ อย่างไรให้อีเมล์ไปแจ้งเขาล่วงหน้าจะแน่นอนกว่า
ตอนเรามาถึงท่าเรืออ่าวสลัด และได้กระเป๋าแล้ว ก็เจอน้องพนักงานของไฮซีซั่นมายืนรับ ตอนนั้น น้องรับเราสองคนก็ไปนั่งรอในรถเลย รอคนขับรถและรอให้รถคันอื่นๆ เคลื่อนตัว (ชุลมุน ทั้งรถ ทั้งคนมากๆ ถนนก็แคบ) เราก็ แอบสงสัยว่า มีแค่เราสองคนที่พักไฮซีซั่นเหรอ แล้วจากท่าเรือ ใช้เวลานั่งรถประมาณ 25-30 นาที ก็ถึงรีสอร์ท
พอถึงรีสอร์ท เราเห็นนักท่องเที่ยวอีกสามคนที่นั่งเรือลำเดียวมากับเรา (ที่จำได้เพราะน้องเขาแต่งเป็นลิซ่า เพลง ร้อคสตาร์) แล้วเขามาถึงรีสอร์ทยังไง เพราะตอนรถของรีสอร์ทไปรับ มีแค่เราสองคน??? คือ แอบคิดว่า ถ้าสามคนนี้ได้ขึ้นรถรีสอร์ทก่อน รถจะรอเราสองคนไหม? หรือ เป็นเพราะเราสองคนเขียนอีเมล์แจ้งไปว่าเที่ยวเรือเราอะไร? แอบสงสัยจริงๆ
รีสอร์ท ไฮ ซีซั่น นั้น ตั้งอยู่บนหาดคลองเจ้า เอาจริงๆ เราว่า นี่คือหาดที่ดีที่สุดของพวกเรา คือ สวย สะอาด และมีร้านค้า ร้านอาหาร สะดวกดี
หาดคลองเจ้า จากต้นหาด ก็จะมี รีสอร์ททิงเกอร์เบล- ไฮซีซั่น – เวนดี้ เดอะพูล – ปีเตอร์แพน เรียงทอดยาวตลอดชายหาด
เอาจริงๆ ตอนแรกเราจะไปอยู่ที่ เวนดี้ เดอะพูล เพราะเป็นห้องแบบ Pool Access (เปิดประตูห้องมาก็เจอสระว่ายน้ำตรงกลาง) แต่ตอนที่เดินผ่าน ดูเงียบมากๆ เหมือนไม่มีคนพักเลย ในขณะที่ปีเตอร์แพน และ ทิงเกอร์เบล ที่อยู่ในเครือเดียวกัน ดูเหมือนจะมีคนเข้าพักมากกว่า
ห้องที่เราได้ที่ไฮซีซั่น เป็น ห้องแบบพูลวิลล่า เราแบบเขียนว่า ขอห้องแบบโซนส่วนตัว และเงียบสงบ เขาก็จัดให้เราเป็นห้อง 307 อยู่ตรงกลางๆ พอดี (ถ้าได้ห้องริมๆ แบบ 301, 302 อาจจะไม่ประทับใจเท่านี้ เพราะห้องๆ เบอร์ต้นๆนี้ ใกล้กับ สระว่ายน้ำส่วนกลาง และห้องอาหาร) ก็แอบดีใจ ที่เขาเห็นความสำคัญกับคำขอพิเศษที่เราเขียนไปใน booking
อาหารที่นี่ก็อร่อยมาก ตอนแรกเราก็คิดว่า อาหารในโรงแรมจะแพงมากเกินไป มีวันนึงที่เราออกไปทานร้านระเบียงน้ำ ราคาต่อจานก็ไม่ได้ต่างจากราคาที่ รร มากนัก เพียงแต่ว่า ร้านอาหารข้างนอก ไม่มีบวกเพิ่มทั้ง 10% service charge และ vat ทำให้ยอดบิลจะถูกกว่า
แต่ถ้าถามว่า อร่อยเท่ากันไหม เราว่าอร่อย และ สดพอๆ กัน
และอันนี้เป็นเพราะตัวเราเอง หลังจากไปทานอาหารร้านนอกโรงแรมแล้ว เราท้องเสียทันที เสียแบบต่อเนื่อง จากเที่ยงวันที่ทานจนถึงเที่ยงวันอีกวัน (และที่หายท้องเสียเพราะ กินยา)
แต่ทิม ซึ่งไปด้วยกัน ทานเหมือนกัน ไม่ได้เป็นอะไรเลย เราจะไปโทษอาหารทางร้านอาหารก็ไม่ได้ล่ะ เพราะไปสองคน ทำไมท้องเสียคนเดียว…
หลังจากนั้นมื้อที่อื่นๆ ก็คือ ทานที่ รีสอร์ทเป็นส่วนใหญ่ และเลือกทานแต่หมูกับไก่แทน
– ห้องพูลวิลล่า ของเราเก๋ สะอาด เดินเข้ามาในวิลล่า ก็ชอบการประดับตกแต่งทุกอย่างเลย สระว่ายน้ำดูเล็ก แต่ก็สนุก เมื่อว่ายแช่เล่นกันสองคน ในห้องก็กว้างขวาง ของในห้องก็สะอาดและใช้ได้ โซนห้องน้ำ ห้องแต่งตัวมีประตูกั้น เตียงนอนก็ใหญ่มาก กลิ้งหากันแทบไม่เจอ จะมีก็แค่อินเตอร์เน็ตหลุดบ่อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติของคนมาเที่ยวเกาะ แต่ถ้าใครต้องทำงานออนไลน์ อาจจะมีหงุดหงิดบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าไม่เลวร้าย ห้องมีความเป็นส่วนตัว โชคดีที่ได้ห้องกลางๆ (307) สรุป เราถือว่า ดี ถึง ดีมาก เลยทีเดียว
-มื้อเช้า ที่รีสอร์ท คือดีมากๆ สด สะอาด มีให้เลือกทานไม่เบื่อ กาแฟที่นี่ น้องๆ ชงให้แก้วต่อแก้ว ลาเต้เย็น อร่อยมาก! (เสียอย่างเดียว วันสุดท้าย สั่งลาเต้ ได้ มอคค่า ส่วนทิมสั่งกาแฟร้อนอีกแก้ว ก็ไม่ได้ น้องเขาลืม (ทั้งที่มีแขกไม่ถึง 10คนวันนั้น) แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะ ได้แก้วแรกไปแล้ว คนละแก้ว แต่ถ้าเราให้คะแนน เราก็ยังให้ 5/5 นะ
ร้านอาหาร และ บาร์ของรีสอร์ท ช่วงเราไปมี Happy Hours ตอน 5-7 โมงเย็น ช่วงนี้ที่นั่งหน้าหาดเกือบไม่มี คนเยอะมากๆ แต่ ราคา 1ฟรี1 ก็คือ 350บาท รวม Vat รวม Service Charge ก็ 400กว่าบาท (ต่อสองแก้ว) แก้วก็ไม่ใหญ่มาก
ถ้าหากต้องการความโรแมนติก ก็สามารถติดต่อโรงแรมเพิ่มเติม เขามี Love nest ที่ต้องเดินขึันบันไดขึ้นไปนั่งทานชมวิวบนต้นไม้ (เราดูจากบันไดแล้ว ถ้าเมา อาจจะลงยากหน่อย) หรือไม่ก็สามารถทำซุ้มนั่งทานใต้แสงเทียนที่ชายหาด
-สระว่ายน้ำ รีสอร์ทกว้างใหญ่มากๆ แถม กิจกรรมในรีสอร์ทก็มีแทบทุกวันให้ร่วมกิจกรรมกันแบบฟรีๆ ส่วนพวกเราได้ นวดชายหาด ราคาอาจจะแพงกว่าข้างนอก (จองตอนเช้าเหลือ ชม ละ 800 บาท แต่พอรวม Service Charge กับ Vat ก็คนละ 1000บาทเลย) แต่ถ้าไปนวดร้านข้างนอก ก็ชั่วโมงละ 450บาท
-เช่ามอเตอร์ไซต์ ทางโรงแรมมีมอเตอร์ไซต์ให้เช่า แต่เป็นของร้านข้างนอก ราคาเช่า 300บาท ต่อ 24 ชม แต่ส่วนใหญ่ จะเป็นรถเก่า เราแอบมองคันที่คนอื่นเช่ามาจากข้างนอก ดูใหม่และใหญ่กว่า แต่ไม่รู้เขาเช่ามาเท่าไร แต่เราเช่ามอไซต์ฯแค่ไปน้ำตกคลองเจ้า กับขับไปเที่ยวรอบๆ แค่นั้น ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ ทางรีสอร์ทขอเป็นเงินสด หรือ โอน เท่านั้น ไม่รับบัตรเครดิต
ที่เติมน้ำมันอยู่ตรงข้ามกับรีสอร์ท เราเติมแค่ 60บาทเอง *อย่าลืมถามน้องๆ พนักงานว่า เปิดที่เติมน้ำมันยังไง เพราะพวกเราไปยืนเก้ๆ กังๆ จน รปภ ของปีเตอร์แพน เดินมาช่วย (พี่ รปภ ใจดีมากๆ)
-พนักงานของรีสอร์ทฯไปส่งที่ท่าเรือ น้องผู้หญิงที่นั่งมาด้วยจะเดินไปเช็คตั๋วเรือให้พวกเราทุกคน พอได้ตั๋วเรือเราก็เดินขึ้นเรือ น้องผู้ชายคนขับรถก็เป็นคนยกกระเป๋าเราให้พนักงานบนเรือ คือ ประทับใจมากๆ ไม่ได้คาดหวังว่าน้องๆ จะมาช่วยนักท่องเที่ยวของรีสอร์ทจนวินาทีสุดท้ายที่อยู่บนเกาะกูดจริงๆ
แต่เราก็ยืนยันคำเดิม ว่าเราชอบไฮซีซั่นมาก ถ้าไปเกาะกูดอีก ก็คงจะไปพักที่โฮซีซั่นนี่แหล่ะ หรือไม่ก็ที่ทิงเกอร์เบล รีสอร์ทข้างๆ (ถ้ามีแพคเกจดีๆ ก็อยากลอง เพราะที่นี่รวมเรือรับส่งฟรี)
เดินทาง 7-8-9-10 April 2025
Leave a Reply