ถ้ามีโอกาส กลับไปไทเป อีก รับรอง ว่าเราจะไปนอนที่เป่ยโถว อย่างน้อยก็คืน สองคืน แน่ๆ เพราะ ชอบมาก..ทำไม? อ่านเลย…
น้ำแร่ออนเซนที่ญี่ปุ่น เรายังคงไม่มีโอกาสได้ไป วันนี้ที่ไทเป เราจึงไม่พลาดที่จะไปแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติที่ ซินเป่ยโถว (Xinbeitou) กัน ถ้าไปที่นี่ แน่นอน คนก็จะต้องพูดถึง พิพิธภัณฑ์ Beitou Hot Spring Museum, Plum Garden, ห้องสมุดสาธารณะ , บ่อแช่น้ำแร่สาธารณะ หรือแม้แต่ราเมนน้ำพุร้อน ก็เพราะทุกอย่างที่กล่าวนี้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเดินถึงกันได้อย่างง่ายได้ ไม่ต้องซื้อทัวร์ หรือ รถเช่าให้แพง เพราะนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ไปลงที่ Beitou แล้วต่อสายสีชมพูไปลง Xinbeitou (เป็นสายที่มีแค่สถานีเดียว ยังไง ก็ไม่หลงค่ะ)
บนรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ มีที่นั่งพร้อมจอที่ให้ข้อมูลสำหรับที่เที่ยวน้ำพุร้อนด้วยค่ะ แต่ว่า ขบวนหนึ่งน่าจะมีประมาณ 6-8 คู่นั่ง เท่านั้น (จะอยู่ตรงปลายๆขบวน) ส่วนใหญ่ก็เป็นข้อมูลการท่องเที่ยว และก็รายชื่อโรงแรมที่ ให้บริการแช่น้ำพุร้อน แต่อ่านไม่ทันหรอกค่ะ เพราะเรานั่งแค่สถานีเดียว…
หลังจากเดินออกจากรถไฟฟ้าสถานี Xinbeitou เราเดินตามฝูงชนไปทางด้านขวา ข้ามถนน ก็เห็นเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งเราเดินชิดทางด้านซ้ายของสวนสาธารณะฯ (เพราะมีคนเดินเข้าออกเป็นแถวๆ ประกอบกับเขามีป้ายบอกตลอดทางค่ะ)
ถ้าเราเดินทางไปทางเดียวกัน สิ่งแรกที่จะเห็นคือห้องสมุดเป่ยโถวค่ะ ห้องสมุดนี้เขาออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอนเราจะซื้อทัวร์ที่ไต้หวัน เขาบอกว่าจะพาไปดูห้องสมุดนี้ด้วย ตอนนั้นเราจำได้ว่า อะไรอ่ะ ค่าทัวร์ก็แพง พาไปดูห้องสมุดแค่เนี้ยะ? จริงๆ แล้ว มาเอง แล้วเดินผ่าน เห็นแล้วก็เข้าใจเลยค่ะว่า ทำไม เขาถึงขายทัวร์ชมห้องสมุด เพราะห้องสมุดแห่งนี้ ถือเป็น 1ใน 25 ห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก…แต่ตอนนี้เราแค่ยังไม่อยากอ่านหนังสือ เลยแค่เดินผ่านไปเฉยๆ ค่ะ |
ถัดจากห้องสมุด มาเจอป้าย เพ่งๆ มองๆ คืออะไร? เข้าได้?หรือ ไม่ได้?หรือยังไง อ่านไม่ออก เพราะเป็นภาษาจีนไปหมด กว่าจะเพ่งเห็นว่านี่คือ พิพิธภัฑณ์น้ำพุร้อนเป่ยโถว ก็โถๆๆๆ จะมีป้ายภาษาอังกฤษให้เห็นชัดกว่านี้สักหน่อยก็ไม่ได้ ที่นี่เข้าฟรีนะคะ แต่ปิดทุกวันจันทร์ |
สำหรับ พิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถว เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่นี่ออกแบบญี่ปุ่นๆ ผสมผสาน กับ ตะวันตกแบบยุโรป ให้ความรู้เกี่ยวกับเมื่อครั้งที่ ที่นี่เคยเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะในยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นในไทเปค่ะ ถ้าไปแล้วก็อยากให้แว่ะเข้าไปดู รูปประกอบเขาน่ารักดี
การแช่น้ำพุร้อนที่เป่ยโถวที่ถูกต้อง โดยต้อง (1)อาบน้ำ (2)ทำให้ตัวเปียก (3)แล้วลงแช่ทีอุณหภูมิที่เหมาะสม คือระหว่าง 38-42 C หรือไม่เกิน 45 C (4)จากนั้นอาบน้ำล้างกาย (5)และดื่มน้ำตามมากๆ ค่ะ
“Trees don’t grow, and the earth boils” อ่านนิยามที่ชาวไทเปกล่าวถึง น้ำพุร้อนที่เป่ยโถว เราก็ยิ่งอยากจะลองแช่น้ำแร่ที่เป่ยโถว ที่สำคัญอย่าลืมพกชุดว่ายน้ำไปด้วยนะคะ เผื่ออยากลองแช่ที่บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ ที่ Millennium Hot Spring ที่นี่ไม่ได้แยกชายหญิง แต่ว่า ให้ใส่ชุดว่ายน้ำแช่ค่ะ (ห้ามถ่ายรูป รูปนี้กู้เกิ้ลมาค่ะ) สนนราคาถูกมาก แค่คนละ 40บาท เท่านั้น แต่ว่าเขาจะเปิดให้แช่เป็นรอบๆ ไป รอบนึงให้แช่ประมาณ ชั่วโมงครึ่งค่ะ คิวแต่ละรอบยาวเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย กับมากันเป็นครอบครัวๆ ค่ะ
ซื้อตั๋วที่นี่เรียบร้อยแล้ว แต่เสด็จท่านเกิดเปลี่ยนใจค่ะ คงไม่มั่นใจในการโชว์หุ่นในที่สาธารณะ เราจึงเดินเข้าไปใน Plum Garden ซึ่งอยู่ถัดๆ ไป ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรี แต่ก็ไม่มีอะไรให้ชมมาก เพราะเคยเป็นบ้านพักตากอากาศของศิลปินคัดอักษรจีน และนักการเมืองชื่อดัง Yu You-Ren แต่ตอนนี้เปิดให้เข้าชม จุดเด่นคือพนักงานที่นี่ เขายินดีให้บริการมาก ภาษาอังกฤษก็ดีมากเช่นกัน ช่วยเราจองโรงแรมสำหรับแช่น้ำพุร้อน แบบส่วนตัวให้ด้วย…จากสมุดรวมรายชื่อโรงแรมที่ Plum Garden พวกเราเลือก โรงแรม Poetry Among The Trees ด้วยเหตุที่ว่า ดูสวยดี และราคา น่าจะเป็นบ่งชี้ ว่าดี …แต่จริงๆ แล้ว เดินเข้าไปลึกมาก เกือบจะเรียกว่า ขึ้นเขาลูกนึง กว่าจะเจอโรงแรมนี้!!!
เข้าไปในโรงแรมดู เรียบๆ แต่มีคนมาร้องคาราโอเกะค่ะ สักพักมีป้าท่านนึงเดินลงมา นอกจากหน้าตาป้าจะเหมือนทัวร์จีนในบ้านเราแล้ว ป้าเขาก็ไม่ค่อยรับแขกค่ะ ตอนแรกเราจะไม่เอา แต่เสด็จท่านเขาเหนื่อยเขาเดินมาถึงแล้ว ก็ไม่อยากเปลียน (เพราะเขาไม่เคยอ่านรีวิวมาว่า ราคานี้เราน่าจะได้การบริการที่ดีกว่า หรือ วิว ที่สวยกว่านี้) ตกลง เราจ่ายไป สองคน 2,500 บาท ต่อ การแช่น้ำพุร้อนเป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง…ถามว่าแพงไหม เราตอบว่า เราพอสู้ได้ … แต่ที่รับไม่ได้คือ ป้าคนที่ดูแลโรงแรมนี่แหล่ะ!!!
และนี่ก็คือส่วนและอ่างที่เราจะแช่น้ำพุร้อนกันค่ะ ดูจากสภาพแล้วคิดว่า ป้า คงไม่ได้ดูแลอะไรมากนัก…
และก่อนจะแช่ก็ดื่มน้ำกับทำตัวให้เปียกเพื่อจะปรับสภาพร่างกายกันก่อน
ด้วยราคานี้ก็จะมีน้ำดื่มให้ 2ขวด และชา กาแฟ ผ้าขนหนู ป้าเขาส่งช่างผู้ชายมาเปิดน้ำให้ดูว่าอันไหนน้ำพุร้อน อันไหนน้ำเย็น เท่านั้นแหล่ะอย่างอื่นพวกเราก็ทำกันเอง ระดับอุณหภูมิก็ไม่รู้ว่า ร้อนเท่าไร แต่ ว่า ร้อนมาก น้ำพุร้อนที่นี่จะมีกลิ่นแร่ Sulfur แรงมากเช่นกัน
ข้อดีของการแช่น้ำพุร้อนยังไม่มีผลการวิจัยทางการแพทย์อย่างแน่นอน แต่ว่า คนญี่ปุ่นก็แช่น้ำพุร้อนมาเป็นพันๆ ปี โดยส่วนใหญ่จะบอกว่าการแช่น้ำพุร้อนเหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคเก๊าท์ และโรคผิวหนังค่ะ และนี่คือสภาพพวกเราหลังจากแช่ไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงค่ะ
ท่านนี่ดูออกง่ายมาก เพราะเป็นฝรั่ง ผิวแดงไปทั้งตัวเลยค่ะ แต่อย่างว่า ท่านเขาดันเอาน้ำพุร้อนราดหัวเขานี่นา |
เราผิวเข้ม สีผิวทำให้ดูยากหน่อย แต่ที่รู้สึกเลยก็คือเหงื่อออกหัวเยอะมาก นี่ขนาดพยายามไม่ให้ผมเปียก แต่สุดท้ายก็เปียกเพราะเหงื่อออกมาเองอย่างพรั่งพรู… |
พอครบชั่วโมงครึ่งก็จะมีโทรศัพท์ดังลั่นห้องเลยค่ะ ป้าเขาโทรมาบอกว่า หมดเวลา…โอย บริการดี ประทับใจ บอกคำเดียวว่า อย่าไปเลยค่ะที่นี่! เดินออกมาจากโรงแรม ป้าเขายังไม่มากล่าวคำลาเลยค่ะ เหมือนพวกเราเดินออกจากโรงแรมกันมาเอง…
โรงแรมที่เป่ยโถวส่วนใหญ่จะให้บริการแช่น้ำพุร้อนกัน แต่จะยากตรงการสื่อสารนี่แหล่ะค่ะ จริงๆ เราอยากไปที่ Spa Spring Resort (อยู่ข้างๆ Thermal Valley) เพราะมีน้องคนหนึ่งเขียนรีวิว ว่าน้องเขาไปแช่น้ำพุร้อนที่นี่ ซึ่งที่แช่น้ำพุร้อนเขาอยู่บนดาดฟ้า วิวสวยและราคาไม่แพงค่ะ น่าจะไม่เกินคนละ 500บาท ต่อชั่วโมง หรือห้องส่วนตัวก็ราคาพอๆ กับโรงแรมป้าที่เราไป นั่นแหล่ะ
อย่าว่าแต่โรงแรมหรือรีสอร์ทของที่นี่เลย ที่รัฐบาลของไต้หวันให้สัมปทานต่อน้ำพุร้อนไปให้บริการกันในโรงแรม แต่ผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้ก็สามารถต่อน้ำพุร้อนเข้าไปใช้ในบ้านค่ะ โดยมีค่าใช้จ่ายให้รัฐบาลเป็นรายเดือนไป ฟังแล้วอยากไปซื้อบ้านอยู่แถวนี้จัง…
จริงๆ แช่น้ำพุร้อนเสร็จ เราก็หิวมากเลยค่ะ อ่านโปรแกรมทัวร์ที่ได้แจกมา ทำให้รู้ว่า ถ้ามาแช่น้ำพุร้อนแล้วก็ต้อง ทานราเมนน้ำพุร้อน กับไข่ลวกน้ำพุร้อนค่ะ (เออ เราน่าจะซื้อไข่ไปลวกตอนแช่น้ำพุร้อนด้วย!)
ร้านราเมนน้ำพุร้อนนี้ มีสองร้านนะคะ แต่ร้านที่เราหาเจอและเขาว่าเป็นร้านต้นตำหรับคือร้านนี้ค่ะ Man Lai Hot Spring Ramen จะอยู่ตรงข้ามแบบเยื้องๆ กับ Thermal Valley เขาจะเปิดวันละสองรอบค่ะ คือ 11:30-14:00 และ 17:00-21:30 แต่ตอนนี้สีโมงเย็นกว่าๆ สงสารคนหิวมากเดินวนหน้าร้านคอตก ก็เขายังไม่เปิดนี่ค่ะ
ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เราเดินไปดู Thermal Valley กันก่อน…
Thermal Valley หรือห้วยน้ำพุร้อน ที่เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวมาดม เอ้ยมาชมน้ำพุร้อน ที่เขาบอกว่า อุณหภูมิสูงมากถึง 80-100 องศาเซลเซียส
ที่ Thermal Valley นี้ เปิดเวลา 9.00-17.00น. ทุกวัน ยกเว้น วันจันทร์ (เราไม่ควรไปเป่ยโถววันจันทร์ เพราะพิพิธภัณฑ์ฯ ก็ปิดนะ) นอกจาก น้ำพุร้อนที่นี่จะมี เขียวใสและมีควันพวยพุ่งไปทั่ว ยังมีกลิ่นซัลเฟอร์รุนแรงมากค่ะ มีป้ายบอกว่า แต่ก่อนเขาอนุญาติให้คนพื้นเมืองนำไข่มาต้มที่นี่ได้ แต่เนื่องจากว่า ส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บจากน้ำพุร้อนลวกเอา เขาก็เลยปิด ให้มาชมเฉยๆค่ะ
เฮ้ย จะห้าโมงเย็นแล้ว คือจะได้เวลาร้านราเมนเปิดแล้ว…ไปทานก๋วยเตี๋ยวราเมนกันค่ะ เผลอแป่บเดียว ท่านเดินไปต่อแถว โชคดี แถวก็ยังไม่ค่อยยาวค่ะ ปกติเขาว่า ยิ่งเป็นวันหยุด เสาร์อาทิตย์เขาว่า คนต่อแถวยาวมากๆ อีกอย่างร้านเขาก็เป็นตึกแถวห้องเดียวค่ะ บางโต๊ะ ก็ต้องนั่งรวมๆ กันไป
แต่เราโชคดี ที่ได้นั่งโต๊ะ แค่เราสองคน (สงสัยเขาจะกลัวฝรั่งกันนะคะ พยายามแยกเรามาจากกลุ่มอื่นๆ) เมนู เขามีภาษาอังกฤษให้เทียบเวลาสั่งค่ะ วันนี้พวกเราสั่งไข่ลวกน้ำพุร้อนมาทานคนละหนึ่งถ้วย (ถ้วยละฟอง) สนนราคาประมาณ 25บาท/ถ้วย อร่อยดี หวานๆ เค็มๆ มันๆ รู้งี้สั่งมาทานคนเดียวสามถ้วยเลยดีกว่า
ส่วนราเมนเราสั่งไปสามแบบค่ะ คือ ราเมนกิมจิ ราเมนหมูอบ และราเมนสเต๊กหมู เจ้าของร้านหรือพนักงานคนรับออเดอร์ ถามแล้ว ถามอีก ว่า มาสองคน สั่งสามอย่างเลยเหรอ? ถามทำไมเนี่ย อายนะ!!!
แต่พอเขาเสิร์ฟก็เข้าใจค่ะว่า ทำไมเขาสงสัยว่าทำไม เรา2คน สั่ง3ชาม ก็กระมัง เอ้ย ชามราเมน เขาใหญ่มากๆ ค่ะ แต่ราคาเพียงชามล่ะ 125-175 บาทเท่านั้น ใครชอบทานเส้น นี่ขอบอกว่าพลาดไม่ได้ เส้นใหญ่เหนียวนุ่ม มากค่ะ
โอย จบทริป อิ่มพุงกาง สรุปวันนี้เราจ่ายไปเฉลี่ยแล้ว คนละสองพันกว่าบาทนิดๆ เองค่ะ ถูกกว่าตอนจะซื้อทัวร์อีก…
ปกตินักท่องเที่ยวจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ตั้นสุ่ยต่อ แต่คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้ว เราขอกลับไปซื้อของฝากและเตรียมตัวเดินทางกลับพรุ่งนี้ค่ะ