นอกจากย่านโดทงบอรี กับ ชินไซบาชิแล้ว ที่โอซาก้า พวกเราก็ไปที่เหล่านี้แหล่ะค่ะ
ในใบโบชัวร์แนะนำที่ท่องเที่ยวในย่านโอซาก้ามีมากมายหลายแหล่ะ ที่เด่นๆ อีกก็จะมีตึกชมวิว ซึ่งเป็นมีทางเชื่อมอยู่ระหว่างตึกบนยอดบนตึก หรือจะเป็นอควอเลียมที่เขาว่าเป็นอควอเลียมที่ดีที่สุดในโลกเช่นกัน หรือจะเป็นยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studios)
ที่ได้ไปมาจริงๆ คือ ตลาดคุโรมง(Kuromon) ปราสาทโอซาก้า(Osaka Castle) อเมริกามูร่า(Amerikamura) และ ตลาดถนนเท็นจินบาชิซูจิ อันนี้เรียงตามลำดับความชอบจากมากไปน้อยของพวกเรา …
ตลาดปลาคุโรมง คนอื่นรีวิวอย่างไรเราไม่รู้ เรารู้แต่ว่า เราเดินไปตลาดนี้จากสถานีนัมบะ จริงๆ เราเดินไปขอพรที่วัด Hozenji ก่อน วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ มีรูปปั้นที่ปกคลุมไปด้วยต้นมอส เพราะเวลาขอพรต้องราดน้ำที่รูปปั้น ทำให้มีมอสขึ้นปกคลุมรูปปั้นเป็นสีเขียวเต็มไปหมด
วัดนี้เราเดินออกจากทางออกโซน B ของสถานีนัมบา เน้นว่า โซนB จะออกตรง B20-22 ส่วนทางไปนั้น ถ้ามีโทรศัพท์ให้เปิด GPS บอกทางจะแม่นกว่า ที่เราบอก ว่าเป็นซอยเล็กซอยน้อย
จากนั้นเราก็ไปตลาดคุโรมงค่ะ วันที่เรามาตลาดนี้ เป็นช่วงวันสงกรานต์ที่ไทยพอดี ที่นี่ก็เลยคราคลั่งไปด้วยคนไทยค่ะ ที่นี่อยากทานหรืออยากลองอะไร ให้ลองได้เลยได้ ตลาดที่นี่เคยเขียนไปแล้วว่าคล้ายกับตลาดนิชิกิ (Nishiki) ที่เกียวโตเลย
จริงๆ เราอยากทานหอยเม่น ซึ่งปกติเขาจะไม่ทานกันเพราะว่ามีพิษ แต่คนที่นี่เขาได้ใบรับรองในการแกะหอยเม่นทานอย่างปลอดภัย แต่มันแพงเกินไปที่จะลองทานเล่นๆ
มาที่นี่ลองทานไม่กี่อย่าง เพราะอยู่โอซาก้า ไปที่ไหนก็มีของทานตลอด ท้องไม่เคยว่าง เลยไม่ค่อยหิวค่ะ ตลาดนี้ปิดทุกวันอาทิตย์นะ
ที่นี่มีร้านซูชิร้านดังที่เหล่าคนไทยคลั่งไคล้ คือร้าน Endo Sushi ว่ากันว่า คนต่อแถวยาวเหยียด แต่ขอบอกว่าทริปนี้จริงๆ ทานซูชิในซุปเปอร์มาเก็ต ถูก สด สะอาด คุ้มที่สุดแล้วค่ะ
เราไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า เมื่อวันฝนตก และหนาว
ปราสาทโอซาก้า คือ พิพิธภัณฑ์ดีดีนั่นเองค่ะ ส่วนตัวแล้วข้างในปราสาทเฉยๆ มาก เหมือนมาชมนิทรรศการ แต่นอกตัวปราสาทสวยมาก เอาจริงๆ นะ มาถ่ายรูปด้านนอกปราสาทก็พอแล้ว ถ้ามาทันช่วงที่ซากุระเริ่มเบ่งบานใหม่ๆ ภาพจะออกมาสวยมาก แต่เรามาตอนปลายๆ แล้ว แม้จะยังสวยอยู่ แต่ก็รู้สึกเฉยๆ (เพราะเราไปเจอซากุระที่นารามาแล้ว)
ถ้านั่งรถไฟฟ้ามา ทางเดินไปปราสาทจะไกลกิโลฯกว่าๆ เลยค่ะ เขาจะมีรถลางไว้บริการ โดยเที่ยวละ 300เยน ถ้าซื้อไปกลับ จะ500เยน วันนี้ฝนตก เราก็เลยนั่งรถกันค่ะ แต่ก็คือว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะว่า ขนาดนั่งรถ ยังรู้สึกว่าไกล
พอลงจากรถ ต้องเดินเข้าปราสาทอีก ค่าเข้าปราสาทฯ นั้นคนละ 600เยน สามารถซื้อตั๋วผ่านตู้หรือผ่านเค้าน์เตอร์(ด้านข้างๆ) ได้
ในตัวปราสาท มีทั้งหมด 7-8 ชั้น แนะนำให้ต่อแถวขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 แล้วเดินขึ้นอีกสองชั้น จากนั้นก็ค่อยๆ เดินชมพิพิธภัณฑ์มาเรื่อยๆ
ส่วนใหญ่ในปราสาทจะเป็นประวัติของจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น รวมๆ แล้ว เนื้อหา (ให้อ่านเอง) มีมากกว่า สิ่งของ ให้ดู สรุป ต้องเป็นนักอ่านสักนิดถึงจะดื่มด่ำกับพิพิธภัณฑ์นี้ (ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี)
ที่นี่เคยเป็นสนามรบ ที่เกิดศึกหลายจากหลายหมู่เหล่าในครั้งเดียวพร้อมๆ กัน
เนื้อหาของประวัติที่น่าสนใจคือ ระหว่างที่มีสงครามหลากหลายหมู่เหล่านี้ ผู้ชายจะออกไปรบด้านนอกปราสาท ส่วนด้านในปราสาทมีผู้หญิงอาศัยและหลบภัยอยู่กันเป็นจำนวนถึง 10,000 คน ซึ่งต่างก็ร้องไห้ลั่นปราสาทด้วยความหวาดกลัว และเป็นห่วงสามี และลูกชาย ที่ออกไปรบกันข้างนอก…
ทุกชั้นสามารถถ่ายรูปได้ นอกจากชั้น 3-4 เท่านั้นที่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป ที่สองชั้นนั้นจะมีจดหมายสำคัญๆ ในสมัยก่อน ส่วนใหญ่เป็นจดหมายแบบปฏิญาณตนว่าจะรักและดูแลจักรพรรดิ์และหน้าที่ของตนเองยิ่งชีพ และนอกเหนือจากนี้จะเป็นชุดประจำพระองค์ของจักรพรรดิ์ หรือชุดนักรบในยุคนั้นๆ
เอาจริงๆ นะ ที่นี่สวยและอลังการ เฉพาะด้านนอก (จริงๆ…)
จากปราสาทฯ เรานั่งรถลางกลับไปที่เดิม ขากลับเขาจะแว่ะที่สวนอาหารฯให้ด้วย แต่เรานั่งไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าเดิม เพื่อจะไป ตลาดเท็นจิฯ
ตลาดนี้ เราตามทัวร์ Mark Wiens จะไปลองซูชิที่ร้าน Harukuma Sushi ค่ะ นั่งรถไฟฟ้า ไปลงสถานีHommachi แล้วออกที่ทางออกที่ 3 หันซ้ายหันขวา จะเป็นตลาดที่ทอดแนวยาวเกือบสามกิโลเมตร ทางด้านขวาด้านตรงข้ามถนนก็ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งของตลาดนี้ด้วย
ร้านซูชิของเราจะอยู่ที่ป้ายสีส้ม ซึ่งเขาจะมีป้ายสีบอกโซน ซึ่งก็เดินไปลึกอยู่ พอเดินไปถึงร้านปิด งานกร่อยเลยที่นี้ เพราะแถวนี้ดูธรรมดามากๆ เมื่อเทียบกับย่านโดทงบอรี หรือ ตลาดคุโรมงมาก แต่เห็นคนไทยมาถ่ายวิดีโอ เยอะอยู่เหมือนกัน
บอกตรงๆ ว่าเมื่อร้านซูชิที่ตั้งใจมานั้นปิด ทำให้เสียเวลามาที่นี่มาก ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย แต่ถ้าอ่านรีวิวคนอื่นๆ เขาว่า มาซื้อนั่นซื้อนี่ได้ แต่ทุกอย่างที่ว่า หาซื้อที่ไหนก็ได้ในโอซาก้าค่ะ
สรุป ถ้าเรามีเพื่อนหรือญาติจะมาโอซาก้า เราจะบอกว่า ไม่ต้องมาตลาดนี้ก็ได้ เดินเยอะ ไม่ค่อยมีอะไรดีมากนัก
สุดท้ายที่เราแว่ะ คือ อเมริกันมูร่า (ที่นี่เขาว่าเดินมาจากสถานีนัมบาก็ได้) แต่ถ้าจะให้แนะนำมาลงที่สถานี (สายสีแดง แล้วออกทางออกที่ 7 เลี้ยวขวา แล้วมองซอยทางขวามือเข้าไป จะเห็นมีคนเดินไปมาควักไขว่ และถ้าตาดีมากๆ จะเห็นร้านชานมไข่มุกร้านนี้ (คนต่อแถวยาวมาก) เราก็ต่อไปแล้ว แก้วละ 560-590เยน สำหรับวัยรุ่นป้าเช่นเรา ชานมไข่มุกที่นี่ ธรรมดามากๆ…
ร้านค้าในย่านนี้เน้นสำหรับวัยรุ่น แนวแร็พเตอร์ เด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นก็มาหาเสื้อผ้าที่นี่ใส่กันค่ะ แต่ร้านที่เราเห็นแล้วสะดุดตาก็ JAM มีเสื้อมือหนึ่ง มือสอง ทั้งแบบแบรนด์ดังๆ และแบบมีลิขสิทธ์
และเช่นกัน ย่านนี้ก็มีของทานให้เลือกมากมายเช่นกัน
แต่ถามว่าตั้งไปไหม ที่นี่ก็ซอยหนึ่งของตลาดจตุจักรเราดีๆ นั่นแหล่ะค่ะ เอาที่ชอบได้เลยค่ะ
สรุป3-4ที่นี้เป็นที่ท่องเที่ยวเบาๆ ในโอซาก้านี้ ใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็เที่ยวได้ทั้งหมดนี้เลย (ถ้ามีความคล่องแคล่วในการขึ้นรถไฟ) แต่รวมๆ แล้ว ส่วนใหญ่เป็นที่เที่ยวที่แบบไปครั้งเดียวแล้วจบ เหมือนให้ได้แค่ความรู้สึกว่า ได้มาเที่ยวแล้ว…