ตะลุยจีน “เฉิงตู-ซีอาน” วันที่2 หลวงพ่อเล่อซาน

วันที่ 2ของทริปที่เฉิงตู สักการะพระพุทธรูปสลักเล่อซัน ประติมากรรมระดับโลก – เทือกเขาเอ๋อเหมยซัน


>English
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว 9โมงเช้าของวันใหม่ เราก็ลงมาเช็คเอาท์ ซึ่งท่านไกด์ประจำตำแหน่งก็มายืนรอพร้อมป้ายชื่อพวกเรา ไกด์หนุ่มหน้าตาสดใส ทักทาย พร้อมแนะนำชื่อว่า “หว่างยี่” (พระเอกบู้ลิ้ม เราเปล่าเนี่ย?)

 

วันนี้เราเช็คเอ้าท์จากโรงแรมที่เราพักในเมืองเฉิงตู เพราะจะไปค้างคืนบนภูเขากัน

หลังจากเช็คเอาท์ไม่มีปัญหา เราก็เริ่มเดินทางกับไกด์และคนขับรถ พร้อมรถเก๋งคู่ใจ โดยมีฝนตกพรำๆ อากาศเย็นสบาย คนขับรถขับตรงตามทางด่วนไปเรื่อยๆ ซึ่ง“หว่างยี่”บอกเราว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดหน่อย ก็จะถึงพระพุทธรูปใหญ่แกะสลักแห่งเขาเล่อซัน แต่ก็จะหยุดพักกลางทางให้เรายืดเส้นยืดสายที่โรงงานทำชา (จากภาพ) ที่นี่มีชาให้ชิมฟรี พร้อมทั้งมีของกินของใช้จำเป็นจำหน่ายด้วย ที่ดีที่สุดสำหรับเราก็คือ มีห้องน้ำไม่สกปรก(มาก)ให้เราเข้าฟรี…

และก็ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงนิดๆ จริงๆ ก็มาถึงท่าเรือที่เราจะล่องเรือชมพระพุทธรูปเล่อซัน โดยไกด์เดินไปซื้อตั๋ว (60หยวน) ให้พวกเรา โดยเรือจะพาพวกเราไปวนหนึ่งรอบหน้าพระพุทธรูปเล่อซัน แล้วจึงจะนำกลับมาที่ฝั่ง ก่อนที่พวกเราจะเดินเท้าขึ้นไปสักการะหลวงพ่อฯ ใกล้ๆ บนเขาอีกที

(ซ้าย) ขึ้นเขาไปชมองค์พระฯใกล้ๆ  (ขวา)ล่องเรือไปชมองค์พระฯ ด้านหน้า

เราก็เพิ่งรู้ว่าทริปนี้เราได้ล่องเรือชมองค์พระฯ และได้ขึ้นเขาไปชมองค์พระฯใกล้ด้วยนะเนี่ย…

เรือจะออกได้ก็ต้องรอให้คนครบตามจำนวนที่เรือรับได้ก่อน ก็รอเกือบๆ 30 นาทีเหมือนกัน เพราะว่า วันนี้ไม่ใช่วันหยุด ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร

ขึ้นเรือก็ต้องสวมเสื้อชูชีพ ซึ่งพนักงานบนเรือค่อนข้างซีเรียสและให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักมาก(ไป) คือใครไม่ใส่ แล้วเอาไปถือหรือรองนั่งนี่ พนักงานหญิงบนเรือก็จะพูดภาษาจีนใส่ (พร้อมสีหน้า) ฉอดๆๆ คือดูแล้วแปลออกได้เลยไม่ต้องมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อนว่า เขากำลังบอกว่า เสื้อชูชีพมีไว้ให้ใส่! จนไกด์เจ้าของนักท่องเที่ยวนั้นๆ เข้าไปเตือนว่าให้ใส่เสื้อชูชีพด้วย.. อ่า เราเป็นนักท่องเที่ยวก็ต้องปฏิบัติตามกฎของเขานะ

หว่างยี่ ไกด์ของเราบอกรายละเอียดว่า เรือเขาวนให้ดูองค์พระแค่รอบเดียว พอไปถึงหน้าองค์พระแล้ว เรือก็จะวกกลับให้ทุกคนได้ยืนถ่ายรูปด้านหน้าขององค์พระได้อย่างเต็มองค์ก่อน และจะแล่นไปอีกฝากฝั่ง (ตรงกันข้ามกับท่าขึ้นเรือ) แล้วจึงวนกลับไปจอดที่ท่าเทียบเรือที่เดิมที่ขึ้นมา

เรือจะล่องมาหน้าองค์พระฯ แล้วก็วนกลับประมาณนี้

ดีนะเนี่ยที่เรามีไกด์คอยบอกข้อมูล พวกเราจึงปรี่ขึ้นไปอยู่ชั้นสองของเรือ

ซึ่งใช้เวลาล่องเรือไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เรือก็ลอยมาอยู่หน้าพระพุทธรูปเล่อซัน สร้างความตะลึง และทึ่งในความสวยงามที่ใหญ่โตตรงหน้า…

บนเรือก็มีบริการถ่ายรูป โดยจะกั้นโซนให้เลย จะได้ไม่มีใครยืนขวางในรูป ซึ่งป้ายบอกว่าราคาภาพละ 20หยวน พวกเราก็เลยกะว่าจะถ่ายสักคนละรูป แต่พอถึงตาพวกเรา พนักงานบนเรือผู้หญิงสองคน (คนเดียวกับที่ว่านักท่องเที่ยวที่ไม่ใส่เสื้อชูชีพนั่นแหล่ะ) ก็พยายามทำท่าให้เราทำตาม (ท่าเยอะมากๆ) แล้วเขาถ่าย แชะ แชะ แชะ จนเรากลัว จึงเรียกหว่างยี่เพื่อจะบอกให้เขาหยุด มันเยอะมากเกินไปแล้ว สุดท้ายได้รูปมา 19รูป ขนาด 5×7นิ้ว พร้อมเคลือบให้ด้วย พอคิดเงินแล้วก็ 300หยวน (1,500 บาท ตกรูปละห้าสิบโดยประมาณ…เราน่าจะบอกเขาว่าเอาแค่สองรูปพอหรือเปล่าเนี่ย 55)  ก็จะมีช่วงนี้แหล่ะที่ถอดเสื้อชูชีพแล้วนางไม่ด่า…


ทำไปแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่า เราพูดอะไรออกไป จากที่คิดว่าจะเสียคนละ 20หยวน ก็ดันเสียไปคนละ 150หยวน แต่ก็นับว่าคุ้มนะ เราได้รูปสวยๆ มาเพียบเลย แต่เราต้องทำท่าตามเขาแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย…55

เวลาผ่านไปเร็วมาก ต่างคนก็ต่างตื่นเต้นที่จะเก็บภาพให้ได้มากที่สุด เรือก็วนกลับมาจอดที่เดิม และได้เวลาที่ไกด์หว่างยี่ของเรา จะพาพวกเราไปทานอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นร้านอาหารที่อยู่ปลายๆ เขา (นอกจากมีร้านอาหารตลอดแนวแล้ว ก็มีร้านขายของชำร่วยเหมือนกัน แต่เราก็แอบเซ็งหว่างยี่ เพราะว่าไม่ถามสักคำว่าสนใจเดินซื้อของหรือเปล่า? เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะพาเราไปไหนบ้าง แล้วที่อื่นจะมีขายเหมือนกันหรือเปล่า โอกาสช็อปปิ้งยิ่งมีน้อยอยู่ สรุปเลยไม่ได้เดินช็อปแถวนี้เลย สุดท้ายได้ซื้อของข้างในวัดมาสองชิ้น ซึ่งก็แพงกว่าแน่ๆ!)

เป็นครั้งแรกเลยที่ไกด์ คนขับรถ นั่งทานข้าว ก็ลูกทัวร์  เราแค่แอบเขินนิดหนึ่ง…

ไกด์บอกว่า ค่าอาหาร ตกคนละ 60หยวน (หรือ ประมาณคนละ 300 บาท แต่ไกด์จ่าย เพราะว่า รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์…)

ทานเสร็จก็ถึงเวลาย่อย กิจกรรมต่อจากท้องตึงก็คือเดินเท้าขึ้นไปบนภูเขา เพื่อไปสักการะหลวงพ่อใหญ่เล่าซานกันใกล้ๆ องค์พระท่าน

เริ่มเดินตอนแรกก็ชิวๆ เพราะว่ามีพลังจากอาหารจีนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน (เพราะว่าทุกอย่างน้ำมันเยิ้มเลย…)  แต่แดดก็เริ่มร้อนขึ้นๆ เรื่อยๆ (อะไรกัน เมื่อเช้าตอนเดินทาง ฝนตกปรอยๆ เย็นสบาย ตอนนี้ร้อนเปรี้ยงๆอีกแหล่ะ)

ระยะทางขึ้นเขาก็พอเหนื่อยแฮ่กๆ แต่ว่าทางขึ้นเขานั้นเป็นบันไดปูน กว้าง เดินไปเรื่อยๆ สบายๆ โดยเราที่ได้ทำการศึกษามาเป็นอย่างดีและได้เคยยินประวัติของ หลวงพ่อเล่อซานมาว่า แต่ก่อนนั้น แม่น้ำตรงหน้าผาที่ยังไม่ได้แกะสลักหลวงพ่อเล่อซานนั้นเกิดกระแสน้ำหมุนวนบ่อยครั้ง ทำให้คนจีนที่ล่องเรือผ่านบริเวณนี้ เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีการแกะสลักองค์พระเล่อซานแล้ว เจ้าน้ำหมุนวนก็หายไป ทำให้ไม่มีใครเสียชีวิตอีกเลย ทำให้ชาวจีน เกิดศรัทธาเลื่อมใสในองค์พระเล่อซาน แต่สาเหตุหนึ่ง(ตามหลักวิทยาศาสตร์) การที่น้ำวนนั้นหายไปก็คือ หินที่แกะสลักองค์พระเล่อซานนั้นหล่นลงแม่น้ำ และถมบริเวณที่เกิดน้ำวนจนทำให้เกิดการเปลี่ยนกระแสของน้ำ ทำให้น้ำวนนั้นหายไป…


CR: CHINESE SPACE (Left) ภาพถ่ายในเดือนมิถุนายน 1909 องค์พระเคยเป็นเป้ายิงปืนใหญ่ของการฝึกปฏิบัติทางทหาร ส่งผลให้บริเวณส่วนใบหน้าเกิดความเสียหาย (Right) ภาพถ่ายในปี 1925 ระหว่างปี 1929 – 1934 ได้มีการบูรณะใหญ่อีก
ครั้งในส่วนศีรษะ ไหล่ และหน้าอก  

และไกด์ก็เล่าให้ฟังเช่นนี้เช่นกัน แต่ไกด์บอกเพิ่มว่า ที่เกิดกระแสน้ำหมุนวนบริเวณนี้นั้นนั้น เหตุเป็นเพราะว่า หน้าองค์พระเล่อซานนี้ ตั้งอยู่บริเวณที่มีแม่น้ำไหลผ่านสามสาย คือ ต้าตู้เหอ ชิงอีเจียง และหมินเจียง เมื่อกระแสน้ำจากแม่น้ำสามสายมาเจอกัน ก็เลยทำให้เกิดน้ำวนขึ้น


CR: CHINESE SPACE, (Left) ภาพถ่ายจากนิตยสาร 人民画报 ฉบับเดือนตุลาคม 1962 (Right) ภาพถ่ายในปี 1985 มีการทำความสะอาดเอาวัชพืชออกแล้ว มีการขุดท่อระบายน้ำ และต่อเติมส่วนรอยแตกบนตัวองค์พระ

ส่วนประวัติการสร้างพระพุทธรูปสลักริมหน้าผาเล่อซัน สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง แห่งราชวงศ์ถัง ใช้เวลาก่อสร้างนาน 3 ชั่วอายุคน (ประมาณ 90 ปี) จนมาสำเร็จในปี ค.ศ.803 โดยการเจาะสกัดหินบนเขาเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท หลังพิงเขา หันหน้าสู่แม่น้ำหมินเจียง มีความสูง 71 เมตร กว้าง 10 เมตร

ปัจจุบันหลังจากพระพุทธรูปแห่งบามิยัน (จากภาพด้านบน) ของประเทศอัฟกานิสถานซึ่งเป็นพระพุทธรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกทำลายด้วยระเบิดไดนาไมต์เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544 จึงทำให้หลวงพ่อเล่อซาน กลายเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้

คุยกันเพลิน มาหยุดตรงก้าวสุดท้ายที่เราขึ้นมาจนถึงยอดเขา แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเศียรพระพุทธรูปของหลวงพ่อเล่อซันเด่นตระการอยู่ตรงหน้าทันที….ว้าววววว!

ไกด์เห็นพวกเราตื่นเต้น ก็พยายามต้อนให้เข้าเดินไปชมวัดที่อยู่บนยอดเขานั้นก่อน ซึ่งวัดก็มีงานแกะสลักสามก๊ก จากไม้ใหญ่มหึมาในตัวอาคาร เหตุเพราะว่า เฉิงตู ยังเป็น เมืองสามก๊กอย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ภายในวัด ยังมีรูปปั้นของพระท่านที่เป็นผู้ริเริ่มสร้างพระแกะสลักหลวงพ่อเล่อซันอีกด้วย

หลังจากเดินชมวัดโดยรอบแล้ว ไกด์ก็พาเราเดินลงเขา ซึ่งเป็นทางลงข้างองค์พระเล่อซาน ทางลงนี้ค่อนข้างแคบ

เดินลงต่อตัวกัน เพราะว่า เป็นทางเดินแบบวันเวย์ค่ะ คือ ทางลงทางหนึ่ง และทางขึ้นกลับไปทางเดิมอีกทางหนึ่ง แต่ก็หยุดถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ

เพราะทุกขณะที่ก้าวลงก็จะเห็นองค์หลวงพ่อเล่อซานได้ชัดเจนเกือบทุกตารางนิ้วเลยทีเลย ยอมรับว่าเป็นองค์พระแกะสลักที่สวยงามมาก ประกอบวิวทิวทัศน์รอบๆ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ไม่ร้อน ไม่เหนื่อย แต่ยิ่งไปกว่านั้น คุ้มค่าจริงๆ ที่ได้มีโอกาสมาถึงที่นี่…

บริเวณปลายเท้าของท่าน หัวนิ้วเท้าใหญ่กว่าหัวเราซะอีก!

(Left) ภาพถ่ายบนเรือ    (Right) ภาพถ่ายบนพื้นดิน (ปีนเขาขึ้นไป)

ไกด์ให้เราเริงร่าถ่ายรูปอยู่สักพัก ก็ชวนเดินกลับขึ้นไปทางที่เราลง เพื่อเดินลงเขาไปยังที่รถเราจอดรอ

จากนั้น เราขึ้นรถต่อไปที่เทือกเขาเอ๋อเหมยซัน โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึงที่พักสำหรับคือที่สอง ตามที่บริษัททัวร์จัดเตรียมไว้ให้ คือ โรงแรม Emei Hot Spring Water โรงแรมสวยดีค่ะ สะอาด มีสระน้ำร้อนไว้บริการด้วย ราคาน่าจะประมาณคนละ 90Y ค่ะ แต่โรงแรมนี้เสียอย่างเดียว โทรทัศน์มีแต่หนังกับรายการภาษาจีนค่ะ มาถึงเช็คอินประมาณ 4 โมงเย็นนิดๆ ไกด์ให้เวลาอาบน้ำแต่งตัว และนัดหมายเจอกันตรงหน้าโรงแรม ตอน 6.45น. เพื่อรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

นั่งทานอาหารเย็นกันซู้ดซ้าด ตามแบบฉบับการรับประทานอาหารของคนจีน ไกด์เห็นพวกเราทานเสร็จก่อน ก็บอกว่าแยกย้ายไปก่อนก็ได้ พร้อมชี้ทางไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะก็ได้ พวกเราก็เลยเดินไปย่อยแถวนั้นซะหน่อย

สวนสาธารณะบริเวณเทือกเขาเอ๋อเหมย มีรูปแกะสลักอย่างงดงาม พร้อมทั้งน้ำตกเล็กๆ ที่สร้างขึ้นประดับสวนอย่างสวยงาม


และที่นี่ที่เราเจอป้ายที่มีภาษาไทยบอกทางไว้ด้วย

เดินเล่นที่นี่ก็ไปเย็นค่ำหน่อย ประมาณทุ่มกว่าๆแล้ว สวนแห่งนี้มีทางเดินชมวัดตลอดทาง แต่อย่างที่บอกว่าเย็นมากแล้ว วัดส่วนใหญ่ก็ปิดกันหมด จึงเดินกลับโรงแรมดีกว่า ระหว่างทางก็แว่ะจิบชาดื่มเบียร์กัน (เข้ากันมาก คนหนึ่งดื่มเบียร์ ส่วนอีกคนหนึ่งจิบชา…)แต่ว่าอยู่ดึกมากไม่ได้ เพราะว่าไกด์บอกว่า พรุ่งนี้เริ่มออกเดินทาง 6 โมงเช้า พร้อมเช็คเอ้าท์ เพราะว่าเราจะเดินทางขึ้นเขาเอ๋อเหมยกันทั้งวัน แล้วต่อจากนั้นก็จะเดินทางกลับไปที่สนามบินเฉิงตู เพราะตามโปรแกรม ที่จะบินไปต่อที่ซีอาน…

อ่านต่อ วันที่สาม เขาเอ๋อเหมยซาน จินติ่ง
ย้อนกลับไปอ่านวันที่ 1 เมืองเฉิงตู

แก้ไขปรับปรุง 27พ.ค.2563

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up