ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) & ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ที่โอซาก้า (Osaka)

ไปโอซาก้า ต้องก็ไปที่นี่ โดทงบอรี ถนนที่มีป้ายกลูลิโก๊ะ ขาปูยักษ์เผา ทาโกะยากิ ที่ติดๆ กันคือถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิเน้นสินค้า tax free โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ ไวตามิน และสินค้าแบรนด์เนม ฯลฯ

ชื่อมันยาว ตอนแรกๆ ก็จำยาก จำแค่ว่าที่นี่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้านัมบาค่ะ และถ้าอ่านมาตลอด สถานีรถไฟฟ้านัมบานี้อยู่ใต้ดิน และใหญ่มาก เพราะเป็นสถานีรวมรถไฟฟ้าหลายสาย ใต้ดินสถานีนี้ก็มีร้านอาหาร ร้านค้าให้ช้อปอีกมากมายด้วยค่ะ

ไม่ว่าคุณจะพักที่ไหน ถ้านั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีนัมบา ให้ออกที่ทางออก 14 (น่าจะใกล้สุดล่ะ) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ซึ่งเป็นร้านค้ามากมาย พอเจอแยกอีกให้เลี้ยวซ้ายค่ะ แล้วเดินตรงไป ก็จะเห็นสะพานนั่นแหล่ะค่ะ จุดศูนย์กลางของที่นี่เลย ตรงนี้แหล่ะที่มองไปทางซ้ายก็คือร้านปูยักษ์เผาเจ้าดัง เดินข้ามสะพานไป (แล้วหันกลับ) ก็จะเห็นป้ายกลูลิโกะแล้ว

จริงๆ จะเห็นคนยืนถ่ายรูปกับป้ายกลูลิโกะก่อนที่จะเห็นตัวป้ายกลูลิโกะเสียอีก ทำไมใครๆ ก็ต้องถ่ายรูปกับป้ายนี้ด้วยนะ ทั้งๆที่เขามีป้ายตั้งหลายป้าย! แต่เขาถ่ายเราก็ถ่าย ข้อมูลที่หาได้บอกว่าป้ายกลูลิโกะนี้เป็นป้ายรุ่นที่ 6ค่ะ ตอนกลางวันจะเป็นภาพมีสีสันปกติ แต่พอตอนกลางคืนจะกลายเป็นป้ายไฟอย่างน่ามหัศจรรย์!

ป้ายกลูลิโกะ เป็นผู้ชาย แต่มีช่วงที่เขาเปลี่ยนป้ายครั้งนึง แล้วใช้ป้ายนักแสดงสาวมาติดชั่วคราว โดยเทอทำท่าเหมือนกับ ป้ายผู้ชายทุกอย่าง…

ฝั่งตรงข้ามสะพานก็คือ ช้อปปิ้งสตรีท ชินไซบาชิ ถนนนี้ยาวมากกกกกกกกก ถ้ายังไม่หิว ไปเดินย่อยที่นี่ แต่ถ้าหิวแล้วให้หาอะไรทานก่อน

เราเริ่มที่ร้านขาปูยักษ์เผา หรือ ปิ้ง หรือย่าง เพราะมาตอนแถวยังไม่ยาวมาก รีบต่อก่อนเลย ขาปูยักษ์กล่องนึงมีสองข้อ (ไม่ใช่สองขานะคะ ได้มาสองข้อเท่านั้น) ราคาตอนนี้คือกล่องละ 900เยน หรือประมาณ 450บาท ขาปูยักษ์ทำอะไรก็อร่อยอยู่แล้วค่ะ ยิ่งมาปิ้งย่างแบบนี้กลิ่นหอมฟุ้ง แต่มันทานได้แค่ 2 คำเองอ่ะ ร้านปูยักษ์นี้บางคืนแขวนป้ายว่าขายหมดแล้วตั้งแต่สองทุ่มกว่าๆ ตอนแรกนึกว่ามีขายทั้งคืนสะอีก

ข้างในร้านนี้ยังมีเมนูอาหารที่เน้นเนื้อปูยักษ์เป็นหลัก อ่านจากรีวิวอื่นเขาว่า เมนูสุกี้ยากี้ปูยักษ์ก็น่าลิ้มลองค่ะ แต่น่าจะหม้อละ เฉียดๆ สองพันบาท

เราว่าที่นี่เหมาะกับการหาอะไรท่านเล่นๆ ดีกว่าค่ะ ไม่ต้องสนใจใครเลยค่ะว่าร้านไหนอร่อยร้านไหนดี อยากลองร้านไหน จัดเลยค่ะ เพราะว่า เวลานักท่องเที่ยวเยอะๆ แถวยาวทุกร้าน

แต่เราจะพูดถึงร้านที่เรามีโอกาสได้ลองครั้งนี้…

ร้านซูชิแบบสายพานหมุนเวียนไปมาร้านนี้ก็คนเข้าออกตลอดเวลา ที่นี่เขามีโชว์ทำปลาทูน่าขนาดยักษ์โชว์ด้วย ส่วนใหญ่จะโชว์เวลาประมาณ 6โมงเย็น ใครเห็นเลือดแล้วจะเป็นลมไม่แนะนำนะคะ เพราะว่าตัวใหญ่พอๆกับเราก็มีเลือดติดมีดบ้างอะไรบ้าง

เอาจริงๆ ข้างในมีราคาตั้งแต่จานละ 100-500 เยน โดยเขามีป้ายราคาชัดเจน ถ้าดูราคาไม่ทันก็ดูจากสีจานค่ะ เอาจริงๆ เราว่า พวกปลาดีๆ อ่ะ 350-500เยน ส่วนพวกถูกๆ ก็ได้แค่ ซูชิไข่ ซื้อที่เขาทำใส่แพคข้างนอกคุ้มกว่าเยอะเลยค่ะ

ที่ตลกคือ คุณทิมเห็นผงชาเขียว แล้วเราสองคนก็อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แกรีบบอกว่า เขามีวาซาบิแบบผงด้วยอ่ะ แล้วเอาผสมกับซอส คนๆ จนพนักงานวิ่งมาบอกว่า นี่มันผงชาเขียวขอรับ วาซาบิอยู่ในซองขอรับ…555

แต่ร้านซูชิจะมีอีกร้านหนึ่งฝั่งตรงกันข้ามกันแบบเยื้องๆ แถวยาวมากทุกคืน เขามีตัวอย่างถาดเซ็ทซูชิให้ดูหน้าร้าน ดูราคาไม่แพงดีค่ะ แต่แถวยาวเกินที่เราจะยอมต่อแถว

ส่วนทาโกะยากิ บางร้านนั้น ให้สายพานกั้นสองแถวเลย แต่เราลองสองร้าน มันก็คล้ายๆ กันค่ะ หรือมันร้อนจนลิ้นไร้ความรู้สึกไปเลย

ร้านแรกเป็นร้านถัดไปจากร้านปูยักษ์เผา ร้านนี้ ดูแถวยาวพอประมาณ เราก็นึกว่าอร่อย วันนี้ร้านนี้มีน้องผู้หญิงคนเดียวที่ยืนทำหน้าร้าน ดูจากหน่วยก้านแล้ว ไม่คิดว่าจะมีแรงทำได้รวดเร็ว ก็ตามนั้นค่ะ น้องเขาก็ทำได้ทีละเตา แล้วก็ค่อยบรรจงตัก จุดเด่นน่าจะอยู่ตรงที่ลูกใหญ่มาก และนุ่มมากมั้งค่ะ

ไปลองทานอีกร้าน ร้านนี้อยู่ฝั่งตรงกันข้ามแม่น้ำ ตรงจุดที่เขาขึ้นเรือ ตอนไปต่อแถวนึกว่า แถวเดียว จริงๆ เขาทำทางต่อแถวย้อนไปมา ก็เลยต่อนาน แต่ร้านนี้มีต้นหอมซอยโรยหน้าด้วยค่ะ ที่นี่น่าจะได้จำนวนลูกเยอะกว่า ที่แรก

สรุป มันอร่อยคล้ายๆ กันเลย เราเชื่อว่าทาโกะยากิ ทานร้านไหนก็คล้ายๆ กัน

จริงๆ อยากลองพวกของทอดแบบเสียบไม้ ที่เขาเรียกว่า คุชิคัทซึ แต่ไม่ไหวต่อคิวจริงๆ

อาหารที่นี่ (โดทงบอรี) ถ้าไม่ใช่ คนรักอาหารญี่ปุ่นจริงๆ มาแค่สองคืนก็เบื่อแล้วค่ะ คือหลังๆ เราเริ่มมาเดินเที่ยวอย่างเดียว หรือไม่ก็ข้ามไปฝั่งตรงข้ามคลองหรือแม่น้ำ ตรงช้อปปิ้งสตรีท “ชินไซบาชิ” ที่นี่ถ้าเดินตรงไปอย่างเดียว เดินยาวเป็นกิโลเมตรๆ เลยค่ะ แต่ที่เราเดินไปประจำคือ คือซอยแรกๆ ที่ตรงซ้ายมือ (ให้ยื่นหน้าไปดู) จะเห็นร้าน Strawberry Mania ร้านนี้มีโมจิหลากหลายไส้ และมีสตรอเบอรี่สดๆ อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีเค้กสตรอเบอรี่ สตรอเบอรี่ปั่น ฯลฯ ร้านนี้แถวยาวมาก

ข้างๆ ก็เป็นร้านเบเกอรี่มีครัวซองอบเนยที่กลิ่นเนยฟุ้งไปทั้งซอย

กลับมาที่ถนนหลักหากเดินลึกเข้าเรื่อย จะเจอแยกไฟแดงใหญ่ แล้วข้ามไปฝั่งนั้นจะมีร้านชีสเค้กชื่อดัง ที่สามารถลองซื้อชีสพัพทานได้ มีสองรส คือ ครีมชีส (270เยน) และ แอปเปิ้ล ซินนาม่อนชีสครีม (290บาท) ตัวครีมชีสเขาเข้มข้น ม้านนน มัน แต่ส่วนแป้งพัพฟ์ จะกรอบๆ และเครือบน้ำตาลบางๆ ด้านนอก ลองสักชิ้นสองชิ้นก็อร่อยดีนะคะ

เดินเลยร้านเค้กนี้ไป จะเจอร้านอาหารแนวตะวันตก แบบฝรั่งๆ มาขึ้น เช่น ร้านโดนัทครีสปี้ครีม เบอร์เกอร์คิงส์ หรือแม้แต่ Luxe’s Lobster เบอร์เกอร์ที่นี่ใส่กุ้งล้อปเตอร์อร่อยมาก ถ้าได้จังหวะแถวไม่ยาว ก็น่าลิ้มลองค่ะ

ถนนสายนี้ถ้าเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ ก็จะมีป้ายบอกทางไป ฮาร์ดร้อคคาเฟ่ท์ (ซึ่งถ้าขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็ต้องขึ้นถึง 2 สถานี) แล้วก็ลองคิดดูนะคะ ว่าถนนช้อปปิ้งนี้ ยาวแค่ไหน???

ถนนสายนี้ หลักๆ คนไทยน่าจะมาซื้อรองเท้าแบรนด์เนมกัน หรือไม่ก็มาซื้อสินค้าปลอดภัยภาษี พวกอาหารเสริม ไวตามิน ฯลฯ แต่ถ้าหากซื้อและจ่ายเงินแบบปลอดภาษี จะเสียเวลา ถ้ายิ่งแถวยาว นอกจากนั้นเขาจะซีลใส่ถุงปลอดภาษี ซึ่งห้ามเปิดใช้จนกว่าจะออกนอกประเทศเขาค่ะ ถ้าซื้อไม่มากส่วนใหญ่เราก็จ่ายเค้าน์เตอร์ปกติไปค่ะ

สินค้าที่นี่ร้านจะถูกกว่าที่สนามบิน 10-15% โดยประมาณ นอกจากบางร้านมีโปรโมชั่นก็จะถูกกว่ากว่าครึ่งค่ะ

และเดินไปไกลเท่าไรก็ต้องเดินกลับมาที่จุดเริ่มต้น หรือสถานีนัมบาไกลเท่านั้น 555

แต่ที่นี่ถือเป็นไฮไลท์ของโอซาก้า ถือว่าเราเลือกพักในนัมบานั้นไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เพราะอยู่ใกล้กับที่นี

ไม่ว่า จะมาถ่ายรูปกับป้ายกลูลิโกะ หรือจะมา หาอะไรทาน ก็แนะนำว่าต้องมาให้ได้!

นอกจากที่นี่แล้ว โอซาก้า ยังมีที่ท่องเที่ยวเอาใจนักท่องเที่ยวมากมาย แต่ที่เรามีประสบการณ์ตรงๆ แบบไม่ได้นั่งเทียนเขียน ก็คือ ปราสาทโอซาก้า อเมริกันมูร่า ถนนร้านค้าที่เท็นจินบาชิซูจิ (Tenjinbashisuji Shotengai) ตลาดปลาคุโรมง (Kuromon Ichiba Market) แบบรวดเดียวจบ (อ่านต่อ)

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up