ทริปวันที่สอง วันนี้เป็นการพิสูจน์ให้รู้ไปเลยว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข เพราะเราจะไปเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกง กันแบบไม่แคร์วัยตัวเองกันค่ะ และถ้าเปรียบเทียบกับดีสนีย์ฯที่อื่นๆ ดีสนีย์ฮ่องกงก็เป็นดีสนีย์ที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยที่สุด แต่ไม่ว่าจะเป็นดีสนีย์ที่ไหน พวกเราสามารถจะสนุกกับเครื่องเล่นระดับโลกในดินแดนที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องหลงรักตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในดีสนีย์…
ตอนแรกเรานึกว่าการไปเที่ยวฮ่องกง หรือแม้แต่ไปดีสนีย์ฮ่องกง ควรจะต้องไปกับทัวร์หรือไม่? แต่วันนี้ขอตอบให้เลยค่ะว่า ไม่ต้องไปกับทัวร์ ไปเอง ง่ายกว่า ดีกว่า และสนุกกว่า!!!
แค่นั่งรถไฟฟ้าเป็น ก็ไปเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกงกันเองได้แล้วค่ะ ขนาดน้องๆ หนูๆ เด็กตัวเล็กๆ ก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกงกันเกือบเต็มขบวนรถไฟฟ้า แต่สำหรับพวกเรา โชคดีที่เค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โรงแรมบีพีฯ วันนี้ไม่ใช่คนเดียวกับวันแรก เพราะเธอยินดีให้บริการยิ่งชีพฯ แถมที่เค้าน์เตอร์ฯยังมีตั๋วดีสนีย์ฮ่องกงขายอีกด้วย เพราะถึงจะซื้อกับที่นี่หรือซื้อที่ดีสนีย์ก็ราคาเท่ากัน คือบัตรผู้ใหญ่ราคาท่่านละ $HK450 หรือ 1,860บาท แต่ดีหน่อยที่เราไม่ต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วที่เค้าน์เตอร์ดีสนีย์ฮ่องกง…ค่าตั๋วนี้รวมค่าเครื่องเล่นหรือชมโชว์ทุกอย่างของดีสนีย์ฮ่องกงฟรีทั้งวันแล้วค่ะ
วันนี้ต้องขึ้นรถไฟฟ้าที่ไปสถานี Sunny Bay ซึ่งเป็นสถานีเดียวที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายดีสนีย์ ไม่ต้องกลัวหลงจริงๆ ค่ะ เพราะแค่รถไฟฟ้ามาจอดตรงหน้า และได้ขึ้นไปก็รู้ทันทีว่านี่คือรถไฟฟ้าสายดีสนีย์ฮ่องกง!!!
และเมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าดีสนีย์ฮ่องกง ก็เป็นทางเดินเข้าซึ่งก็เป็นทางออกทางเดียวของดีสนีย์ฮ่องกงด้วย
ถนนที่เดินตรงไปจนสุดทางจนถึงปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์ของดีสนีย์ นี่คือถนน เมนสตรีท ยูเอสเอ (Mainstreet, USA) ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์การ์ตูนดังของดีสนีย์ทั้งหมด แต่อย่าเพิ่งช้อปค่ะ เพราะถ้าช้อปเลยต้องแบกของแล้วจะทำให้เดินและเที่ยวเล่นเครื่องเล่นลำบาก…
อดใจเรื่องช้อปได้ แต่เรื่องอาหารนี่อดใจไม่ได้จริงๆ ทั้งหอม ทั้งน่ากิน เพราะอย่างวาฟเฟิลยังทำเป็นหน้ามิคกี้เม้าส์ ดูแล้วน่ากินมากๆ แถมอร่อยด้วย ราคาอันละ $60 หรือ ประมาณ 250 บาท ส่วนน่องไก่งวงก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน น่องใหญ่เท่าๆ กันทุกน่องนี่อันละ $HK50 หรือ ประมาณ 200 บาทค่ะ…
ได้ลิ้มชิมอาหารว่างตามแบบฉบับดีสนีย์กันไปแล้ว ไปเดินย่อยและถ่ายรูปที่ปราสาทดีสนีย์กัน นี่เป็นปราสาทเจ้าหญิงนิทรา Sleeping Beauty…นักท่องเที่ยวท่านใดที่มาดีสนีย์แล้วไม่ถ่ายรูปกับปราสาทฯนี้ถือว่า ไม่ได้มาดีสนีย์นะคะ เพราะว่านี่เป็นปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของดีสนีย์ไม่แพ้เจ้าตัวมิคกี้เม้าส์เลยค่ะ
โชคดีที่เราเคยได้มีโอกาสไปเที่ยวดีสนีย์ที่ฟลอริด้า เลยทำให้รู้ถึงความแตกต่างของดีสนีย์ฮ่องกง ว่าค่อนข้างเล็กกว่ามากๆ แต่ว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะอย่างน้อยเราไม่ต้องเดินจนเหนื่อยมากก็ได้เที่ยวชมดีสนีย์ฮ่องกงจนทั่วในได้ภายใน 1 วัน (แต่ถ้าจะให้เต็มอิ่มจริงๆ ก็ต้อง 2 วันค่ะ)
ดีสนีย์ฮ่องกง เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 มาจนถึงวันนี้ วันที่เราเดินทางก็ถือว่ายังใหม่ เพราะว่ายังเปิดให้บริการได้ไม่ถึงสิบปี แต่ถ้าหากไปอ่านบล็อกของนักท่องเที่ยวท่านอื่น ก็จะทำให้เห็นว่าราคาตั๋วเข้าชมดีสนีย์นั้นมีราคาสูงขึ้นทุกๆ ปี เพราะว่า เขาต่อเติมและสร้างขยายเพิ่มตลอดเวลา โดยปัจจุบัน (2556) มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 139ไร่ แต่ก็จะขยายไปเป็น 172ไร่เร็วๆ นี้
เล็กยังไง ดีสนีย์ฮ่องกงก็สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึงวันละประมาณ 34,000 คน ตามบันทึกในปีแรกที่เปิดให้บริการมีนักท่องเที่ยวม 5.2ล้านท่าน และโดยเฉพาะในปีที่แล้ว ปี2555 มีนักท่องเที่ยวมากถึง 6.7 ล้านท่าน ซึ่งถ้าดีสนีย์เปิดให้บริการทุกวัน ก็เท่ากับว่ามีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกงถึงวันละ 18,000 คน และถ้าแกล้งคำนวณเล่นๆ เฉพาะแค่ขายบัตรเข้าดีสนีย์อย่างเดียว ก็มีรายได้ประมาณ 30 กว่าล้านบาท ต่อวัน!!! โหย เห็นตัวเลขขนาดนี้แล้วไม่ต้องบอกว่า ของเขาต้องเจ๋งจริงๆ แน่ๆ…
ก็ไม่รู้ว่าเราจะไปคำนวนเรื่องเงินๆ ทองๆ ของเขาทำไม แต่จริงๆ ก็จะบอกเป็นนัยๆ ว่าแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกงจำนวนมาก ดังนั้น เครื่องเล่น หรือ โชว์บางอย่างก็ต่อแถวนานเช่นกันค่ะ ซึ่งตามธรรมเนียม ดีสนีย์เขาจะมีป้ายคำนวณเวลาในการรอคอยแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบและทำใจในการรอเช่นกัน
กลับมาตรงจุดปราสาทฯ ตรงนี้มีวงเวียนข้างหน้าซึ่งเป็นที่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรอดูขบวนพาเหรดของดีสนีย์ และที่ดีสนีย์ฮ่องกงจะจัดขบวนพาเหรดทุกวัน วันละ 1 รอบ จัดแสดงเวลาประมาณบ่ายโมงตรง ซึ่งขบวนจะเต็มไปด้วยตัวการ์ตูน รถเข็ญแบบจำลองที่ผู้ชมนึกว่าหลุดมาจากการ์ตูนดังๆ เพราะขนาด เจ้าหญิงฯที่ใช้คนจริงๆ หน้าจริงๆ ในขบวนพาเหรดยังหน้าเหมือนเจ้าหญิงฯที่อยู่ในการ์ตูนเลยค่ะ!
ขบวนพาเหรดเดินโชว์ตลอดถนนเมนสตรีท ยูเอสเอ (ดูจากแผนที่ เส้นประสีแดง) ช่วงก่อนเดินขบวน เจ้าหน้าที่จะมากั้นถนนบริเวณนั้นค่ะ
ขบวนพาเหรดใช้เวลาเดินโชว์นานเหมือนกัน แถมมาเดินโชว์กันตอนบ่ายโมง กำลังร้อนได้ที่ ถ้ายืนดูขบวนพาเหรดจนจบคงกลายเป็นนางเอกเรื่องข้าวนอกนาแน่ๆ
พวกเราใช้โอกาสที่ขบวนพาเหรดยังไม่จบการแสดง เดินแอบนักท่องเที่ยวที่กำลังมุงดูขบวนพาเหรด ไปแอดเวนเจอร์แลนด์ Adventure Land หรือ สวนแห่งการผจญภัย เพราะตรงนี้เขาสร้างจำลอง มาจากแม่น้ำในอเมริกาฯ
ที่พวกเราสามารถนั่งแพเสมือนกับท่องไปในลำน้ำอเมซอนก็ไม่ปาน…สวนนี้เขาทำได้ดีจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะบ้านทาร์ซานที่สร้างบนต้นไม้จำลอง…
เดินออกไปแว่ะที่ ทอย สตอรีแลนด์ Toy Story Land ดินแดนที่เข้าไปแล้วมีแต่ของเล่นชิ้นใหญ่ๆ จนทำให้เรารู้สึกว่าเราตัวเล็กมากๆ โดยเจ้าเหล่าของเล่นได้ถูกสร้างจำลองมาจากภาพยนตร์ ทอยสตอรี่ทั้งหมด
มาจบและถ่ายรูปตรง tomorrow land ดินแดนแห่งโลกอนาคต ซึ่งออกแนวไปทางด้านยานอวกาศ จุดนี้พวกเราได้แต่ถ่ายรูปจริงๆ
เดินจนขาลาก เพราะอากาศฮ่องกง เดือนสิงหาคม ไม่ได้แตกต่างกับอากาศในประเทศไทยเลย ร้อนและชื้นมากๆ ขนาดไอศกรีมของดีสนีย์ฮ่องกงราคาแพง แต่ก็ยังขายดีและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวค่ะ…
และสุดท้ายพวกเราก็ยอมรับสังขารของพวกเราว่าเดินต่อไม่ไหวแล้ว พวกเราเริ่มเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกงง ตั้งแต่สิบโมงจนบ่ายสาม เดินและเล่นกันตลอดไม่ได้พัก ยิ่งเห็นแถวต่อคิวยาวๆ ก็ถอดใจ พวกเราเลยยอมรับว่าพลาดเครื่องเล่น และโชว์หลายๆ อย่างของดีสนีย์ฮ่องกง ที่สำคัญเราไม่ได้อยู่ดูเขาจุดพลุดอกไม้ไฟ ซึ่งจะจัดแสดงทุกวันตอนหนึ่งทุ่มตรง…
เราจึงขอแนะนำว่าถ้ามาดีสนีย์ฮ่องกงจริงๆ ต้องซื้อตั๋วสองวัน เพราะว่ามาสองวันแต่มากันคนละเวลาจะคุ้มกว่า เพราะจะได้ไม่เหนื่อยมาก และเผื่อเวลาที่ต้องต่อแถวแต่ละที่อีกด้วยค่ะ
สุดท้ายที่ดีสนีย์ฮ่องกง ก็คือการได้เลือกซื้อสินค้าน่ารักๆ ที่มีสำหรับทุกเพศทุกวัย ด้วยลวดลายตัวการ์ตูนของวอลท์ ดีสนีย์ สนนราคาก็ไม่โหดค่ะ อย่างปากกาดีสนีย์แท่งละ $32หรือ 120 กว่าบาท ก็ยังพอหาซื้อไปเป็นของฝากของที่ระลึกได้…
เดินเที่ยวกันมาทั้งวันแบบนี้ รายการช่วงเย็นของเราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะว่าหลังจากกลับไปโรงแรมฯ อาบน้ำแล้ว เราจะไปนวดแผนฮ่องกงกันค่ะ ก็ในย่านที่เราพักนั้นรายเรียงไปด้วยร้านนวดแผนโบราณค่ะ แทบจะเหมือนกรุงเทพฯ เราก็เลือกแค่ร้านที่ดูว่างๆ นวดได้เลย ส่วนสนนราคา นวดเท้า 50นาที คือ $HK118 หรือ 490 บาท ส่วนนวดคอ บ่า ไหล่ 30นาที ประมาณ $128 หรือ 530บาท
วันนี้เราลองนวดเท้า และ คอบ่าไหล่ค่ะ แปลกใจตรงที่เขาเริ่มนวด คอบ่าไหล่ก่อนที่จะนวดเท้า แต่ก็สบายไปอีกแบบ เพราะเขาให้แช่เท้าในน้ำชาอุ่นๆ แต่คนนวดของเราค่อนข้างเบาค่ะ ออกแนวคลึงๆ มากกว่านวด…
นวดเพิ่มพลังแล้วเราเดินตามแผนที่ ซึ่งถ้าเริ่มจากโรงแรม บีพี ก็คือข้ามถนนตรงหน้าโรงแรมแล้วเลี้ยวซ้าย หาป้ายถนน เทมเพิล (Temple Street) แล้วเดินไปประมาณ 300-400 เมตรค่ะ
ที่นี่เขาเรียกกันเต็มๆ ว่า เทมเพิ้ลสตรีทไนท์มาร์เก็ต หรือ ไนท์มาเก็ตค่ะ (Temple Street Night Market) ตลาดกลางคืนแห่งนี้ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่เมืองไทยเพราะว่าเป็นร้านค้าแผงลอย ที่ราคาไม่แพง แถมต่อรองได้ด้วย
นอกจากตลาดแล้ว ร้านอาหารบริเวณนี้ ก็อารมณ์เหมือนร้านข้าวต้มรอบดึกแถวบ้านเรา นอกจากราคาอาหารจะไม่แพงแล้ว รดชาติยังอร่อยได้ใจเราอีกด้วยค่ะ
สืนค้าที่ตลาดก็หลากหลายชนิด ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า ของประดับ ภาพเขียน ของเล่น และที่ถูกจนแทบไม่น่าเชื่อสายตา และไม่กล้าซื้อก็คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะยูเอสบี ที่ทำเป็นรูปตัวการ์ตูนสีสันสวยงาม (แต่ไม่รับรองคุณภาพ) เรียกว่า เป็นที่ที่เราสามารถเลือกซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างสบายๆ กระเป๋าเลยค่ะ
ทริปวันนี้เรียกว่า ได้หลายอรรถรสมาก ตั้งแต่ไปเที่ยวดีสนีย์ฮ่องกง แล้วทดลองนวด แถมยังได้เที่ยวแบบสไตล์บ้านๆ ที่ตลาดกลางคืนฯ อีกด้วย…เห็นไหมค่ะ ว่าฮ่องกงแบบนี้ใครๆ ก็มาได้ ไม่ต้องง้อทัวร์…
อ่าน ทริปฮ่องกงนี้ ฉบับรวดรัด 4วัน3คืน หรือ ตะลุยฮ่องกง ไม่ง้อทัวร์ วันแรก เบาๆ ในจิมซาจุ่ย หรือ อ่านต่อ วันที่สาม ตะลุยฮ่องกง ไม่ง้อทัวร์แบบฉลุย นั่งกระเช้านองปิง ไหว้พระใหญ่ทินถ่าน