เมื่อปีก่อนนี้เราไป DMZ ครั้งนี้ไป JSA เลยค่ะ แล้วทัวร์ทั้งสองนี้ต่างกันอย่างไร ตอบสั้นๆเลย ว่า JSA คือจุดที่เราจะไปนี้อยู่ใกล้กับเกาหลีเหนือมากขึ้น และได้ข้ามไปฝั่งเกาหลีเหนือด้วยค่ะ!
(English)
ทัวร์ JSA (Joint Security Area) นี้จะจองยาก และใช้เวลาจองล่วงหน้านานกว่า DMZ
และที่ผ่านมา JSA ปิดไปกว่า 6เดือน คือตั้งแต่ปลายปี2018 จนมาเปิดอีกที่ในประมาณเดือน กรกฏาคม 2019 และทัวร์ JSAนี้ไม่ได้มีทุกวันอีกด้วยนะคะ โดยเฉพาะวัน ส อา และวันหยุด จะไม่มีค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่า ต้องใช้นายทหารในการบรรยายและคอยดูแลระหว่างการทัวร์
ทัวร์นี้เราซื้อผ่าน Trazy.com ค่ะ ซึ่งราคาคนละ $81.70 หรือประมาณคนละ 2,500 บาท
Trazy เป็นเพียงเว็บขายทัวร์ท่องเที่ยว แต่บริษัทที่ทำทัวร์นี้จริงๆคือ Joongang Express Toure ซึ่งบริษัทนี้มีสำนักงานอยู่ที่โรงแรม President (ข้างๆ City Hall และไม่ไกลจากตลาดเมียงดง) จึงไม่แปลกเลยที่จุดรวมตัวของนักท่องเที่ยวคือที่ ชั้น7 ของ โรงแรมนี้
ดังนั้น Trazy เป็นแค่คนกลางที่คอยประสานงานกับนักท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งต่างจาก Cosmojin ที่ทำเอง ขายเอง (ไปๆมาๆ บริษัทCosmojin นี้ก็อยู่ใน โรงแรม President เช่นกันค่ะ!)
ดังนั้นความผิดพลาดของ Trazy อาจจะมีเกิดขึ้นได้ อย่างเคสพวกเรา Trazy จะมีอีเมล์แจ้งว่า เปลี่ยนเวลาทัวร์ เป็น 8.10(เช้า) แต่สุดท้ายก็ออกเดินทางเวลาเหมือนเวลาแรกที่แจ้งไว้ 8.30เช้า
ตอนไปที่ชั้น7 ก็แค่ไปลงชื่อ คล้ายๆตรวจชื่อ แล้วเขาก็ให้คูปองทัวร์ เป็นเลขที่ รถบัส และที่นั่ง พร้อมบอกว่า ให้เดินลงไปหารถบัสเองหน้าโรงแรมเอง! ซึ่งเมื่อเราลงไปที่ข้างล่าง รถบัสจอดกันเต็มถนนเลยค่ะ
ส่วนการไปทัวร์ JSA นี้มี dress code ด้วยค่ะ แต่เราก็เห็นว่ายังมีคนแต่งตัวผิดระเบียบไปนะ ห้ามลืม พาสปอร์ต เด็ดขาด
จาก โรงแรม เราก็ตรงดิ่งไปที่จุด JSA เลย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1ชม ค่ะ อย่าดื่มน้ำเยอะ เพราะเขาไม่แว่ะที่ไหนเลย
ไกด์สาววันนี้ชื่อ Son-me ค่ะ นางก็ทำหน้าที่ไกด์ได้ดีมากๆ พูดตลอดการเดินทาง ซึ่งถ้าหากตั้งใจฟังดีๆ ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ JSA ทั้งนั้น
มาถึงด่านตรวจด่านแรกซึ่งเป็นด่านเดียวกับตอนเรามา DMZ ซึ่งน้องๆทหารจะขึ้นมาเช็คจำนวนพวกเรา และตรวจพาสปอร์ต
จากตรงนี้อีกประมาณ 15นาทีก็ถึงจุด JSA
ก่อนเข้าไปด้านในนั้น จะมีนายทหาร US Army มาตรวจดูพาสปอร์ต ซึ่งไกด์บอกว่า ตอนแรกๆเลย เขามาตรวจการแต่งกายพวกเราด้วยค่ะ แต่หลังๆเขาก็เข้มงวดน้อยลงไปเอง อ้าว เราสองคนที่แต่งถูกระเบียบมาก ใส่กางเกงขายาวมาเลยค่ะ แล้วเดือน ส.ค.ร้อนมาก!
จากนั้น นายทหารจะถามพวกเรา 3คำถามว่า
1 มีใครเป็นทหารบ้าง? Does anyone belong to any military?
2 มีใครพกพาอาวุธมาบ้าง? Does anyone have any weapons?
3 มีใครหลบหนีเข้าไปเกาหลีเหนือบ้าง? Does anyone plan to defect North Korea today?
โชคดีที่วันนี้ไม่มีตอบ yes ในข้อใดข้อหนึ่งเลยค่ะ
จากนั้นเขาก็พาเราเข้าด้านใน (JSA Welcome Visitor) โดยแจ้งว่า จะมีในบางจุดที่ห้ามถ่ายรูป โดยเฉพาะ ด่านตรวจระหว่างประเทศ แต่อย่างไรเขาจะพยายามให้ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามทำท่าล้อเลียนนายทหารไม่ว่าจะฝั่ง เกาหลีเหนือ หรือ เกาหลีใต้ค่ะ
จากนั้นเขาก็พาเข้าไปในห้องประชุม เพื่อดูวิทีทัศน์เกี่ยวกับความแตกแยก ทั้งสองฝ่ายในอดีตจนถึงปัจจุบัน
เหตุการณ์ที่สะเทือนใจๆ ที่เกิดจากการแบ่งประเทศในช่วงนั้น หลักๆ ก็จะมีเรื่องการที่แยกประเทศ ที่มีบางครอบครัวที่ต้องแยกจากกัน เพราะสมาชิกในครอบครัวนั้นเลือกฝักเลือกฝ่ายแตกต่างกันไป และตั้งแต่นั้นมา ประชากรของเกาหลีเหนือก็มาประเทศเกาหลีใต้ไม่ได้ และชาวเกาหลีใต้ก็ไปประเทศเกาหลีเหนือไม่ได้เช่นกัน ทำให้หลายครอบครัวที่ต้องแยกกันไปเลย และไม่ได้เจอกันไปเลย…(ขนาดทัวร์นี้ เขายังไม่อนุญาติให้ประชาชนพลเมืองของเกาหลีใต้มาร่วมทัวร์ด้วยเลยค่ะ)
หลังจากนี้จะเปลี่ยนรถเป็นรถบัสของทหารค่ะ โดยไม่ให้นำ กระเป๋าติดตัวไป สามารถนำ มือถือ กล้อง หมวก แว่นตากันแดด กระเป๋าตังค์และน้ำดื่มติดตัวไปได้ค่ะ
จริงๆเข้ามาในนี้ ทางทหารก็จะเป็นผู้บรรยายและนำทางพวกเรา ส่วนไกด็ก็จะคอยดูความเรียบร้อย และถ่ายรูปให้ลูกทัวร์
ขับมาประมาณ 10นาที ก็ถึงศูนย์ฯ ซึ่งเรายังอยู่ในเขตประเทศเกาหลีใต้นะคะ
ก่อนเข้าชมก็จะมีการเตรียมตัวของนายทหาร เพื่อออกไปยืนประจำในจุดที่พวกเราจะเดินไปค่ะ
ไม่รู้จะเขียนบรรยาย ความรู้สึกที่เรามองเห็นประเทศเกาหลีเหนือตรงหน้าอย่างไร ซึ่งเขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา ฝั่งเขาก็มีทัวร์มาชมเหมือนกับเราอีก (แปลกดี เราก็มาส่องเขา เขาก็มาส่องเรา)
***เห็นนักท่องเที่ยวฝั่งเกาหลีเหนืออยู่บนตึกไกลๆ
จากนั้น นายทหารก็พาเราไปเดินบนสะพาน ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ Panmunjom (ชื่อเมืองที่นี่เป็นภาษาจีนค่ะ)
เขาบอกว่า บนสะพานนี้ ถ้าใครทำ มือถือตกลงไป เขาต้องต้อนพวกเราออกให้หมดก่อน แล้วจึงจะส่งทหารลงไปเก็บมือถือให้ค่ะ ดังนั้น อย่า ทำตก!
ตรงนี้ก็ต้นไม้ที่ท่านผู้นำทั้งสองประเทศมาร่วมปลูก เพราะมีครั้งหนึ่งที่ฝั่งเกาหลีใต้กำลังตัดตกแต่งกิ่งต้นไม้ เกาหลีเหนือคิดว่าต้นไม้นั้นเป็นต้นไม้ที่ประธานธิบดีของเขาเป็นคนปลูก ก็เลยส่งทหารพร้อมอาวุธมาที่บริเวณนั้น แม้เกาหลีเหนือจะออกมาขอโทษในภายหลัง แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ทหารของชาวอเมริกันเสียชีวิตถึงสองคน และทั้งทหารอเมริกันและทหารเกาหลีใต้บาดเจ็บอีกหลายนาย
นี่แหล่ะมั้งค่ะ เลยเป็นที่มาของการร่วมกันปลูกต้นไม้ของท่านผู้นำทั้งสองประเทศในครั้งนี้ (April 27, 2018) เพราะในตอนปีที่เกิดเหตุ ปะทะกันนั้นคือปี 1976 ซึ่งครั้งนั้นท่านผู้นำเกาหลีใต้ก็เป็นหนึ่งในทหารหนึ่งที่ประจำการในตอนนั้นด้วย…
ภาพบนขวาเป็นรูปซากต้นไม้ที่เกือบจะทำให้เกิดสงครามกันอีกครั้ง…
และตรงนี้ค่ะ ที่เป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ไม่ว่า ท่านผู้นำทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ หรือ ประธานาธิบดีของอเมริกาโดนัลด์ ทรัมป์ก็เคยมาพบปะกันที่ตรงนี้
แท่นคอนกรีตนี่แหล่ะค่ะ คือเส้นแบ่งประเทศทั้งสองประเทศ แต่เขาไม่ให้เดินข้ามเส้นนี้ ตรงด้านนอกนี้นะคะ
เขาเลยให้เข้าไปในห้อง Conference ซึ่งห้องสีฟ้าๆนี้สร้างครอบพื้นที่ระหว่างประเทศเกาหลีเหนือกับประเทศเกาหลีใต้ค่ะ
โดยเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสองประเทศนี้คือ เจ้าไมโครโฟนในห้องนี้ค่ะ และนี่ก็คือไฮไลท์ของทัวร์นี้ ที่ทำให้ลูกทัวร์รู้สึกว่าได้ก้าวข้ามไปในเขตเกาหลีเหนือ
ชาวอเมริกันจะชื่นชอบทัวร์นี้เป็นพิเศษ เพราะตอนนี้ชาวอเมริกันถึงมีเงินแต่ก็ยังบินเข้าประเทศเกาหลีเหนือไม่ได้นะ
จบทัวร์ ตามรอยท่านผู้นำ จากนั้นเราก็นั่งรถบัสทหารกลับไปที่รสทัวร์บัสของเรา ที่นี่เขาให้เวลา ประมาณ 20นาทีให้ขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านบน
หรือเดินชมวัดรอบๆ โดยเป็นวัดของชาวพุทธ
มีธงชาติของประเทศพันธมิตรที่มาช่วยรบระหว่างสงครามเกาหลีด้วยค่ะ ธงชาติไทยก็มีนะคะ
นอกจากนั้นก็น่าจะเป็นชุมชนของทหารที่นี่ มีโบถส์ด้วย
อ้อที่ บริเวณชายแดนนี้ มีชุมชนคนอยู่ประมาณ 200ครัวเรือน มี โรงเรียน ระดับประถมศึกษาสำหรับเด็กๆที่เกิดที่นี่ด้วยค่ะ
ปัจจุบัน (2018-2019) เท่าที่เราเห็น จะเห็นว่า เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ได้ส่งสัญญาณที่ดีต่อกัน ในขณะที่เกาหลีใต้พยายามกดดันเรียกร้องเงินค่าชดเชยจากญี่ปุ่นมากขึ้น (จนเป็นที่มาของการคว่ำบาตรทางการค้าในด้านชิ้นส่วนเทคโนโลยีระหว่างประเทศในเดือน กค 2019)
ทัวร์วันนี้ รวมมื้อกลางวันด้วยค่ะ ที่ Imjingak (ที่มีหัวรถจักรกับรอยกระสุน) เป็น Hot Pot สไตล์เกาหลี แต่อากาศร้อนๆมันเลยรู้สึกร้อนเข้าไปอีก
ถ้าเลือกได้ เราจะขอไปทาน ไก่ทอด Popeye’s แทนค่ะ เพราะเป็นไก่ทอดสไตล์นิวออลีนส์ที่พวกเราอยู่ และเราไม่เคยเห็นร้านนี้ที่อื่นในเกาหลีใต้!!!
จากนี้เราก็เปลี่ยนรถบัส เพื่อกลับโซล ซึ่งกลับถึง โรงแรมประมาณ บ่ายสองครึ่ง หากใครซื้อทัวร์ DMZด้วยก็จะไปกันต่อ ซึ่งเขาว่าน่าจะกลับถึงโรงแรมประมาณ ทุ่มกว่าๆ ค่ะ
และถ้าทำแบบรวมคือ DMZ กับ JSA วันเดียวเลย ก็เหมาะคนที่มีเวลาในเกาหลีใต้น้อย ประกอบกับโชคดีจองแล้วได้ทั้งสองอย่างในวันเดียว แต่เราขอแนะนำว่ามาทัวร์นี้ช่วงหลัง เดือนกันยายนจะดีกว่า เพราะจะไม่ร้อนมาก (คนไม่เคยมาเกาหลีใต้ช่วงซัมเมอร์ไม่ต้องเถียงนะคะ ว่าที่นี่ เกาหลีใต้ไม่น่าร้อน)
หรือ ให้เอากางเกงขาสั้นมาเปลี่ยน เพราะ DMZ ไม่มีระเบียบการแต่งตัว แล้วเวลาเดินลงไปในอุโมงค์นั้น จะได้ไม่ร้อนมาก
แต่เราชอบแบบนี้มากกว่า มา DMZ ครั้งหนึ่ง แล้วมา JSA ทีหลัง ดูไม่เยอะเกินไป แต่ที่พวกเราทำแบบนี้ได้ ก็เพราะเราพักอยู่ที่เกาหลีใต้ค่ะ (ปูซาน)
ก็เป็นทัวร์ประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนที่เราเคยไปมา ที่เจอ ซากวัง ซากปรักหักพัง แต่ที่นี่ ได้มาเหยียบบริเวณที่เคยเป็นประเทศเดียวกัน ที่แบ่งแยกกันด้วยเขตประเทศ แต่ยังเชื่อมโยงกันไว้ด้วยวัฒนธรรม
Divide by space, Connected by culture…
อ่าน DMZ Tour
Travelled: Friday, Aug 2019
Ref: https://qz.com/1263918/korea-summit-tree-planting-the-last-symbolic-tree-in-the-dmz-nearly-caused-a-war/