ริวิว ทริป กาฐมาณฑุ (เนปาล)

click here for English version
ทริปฉุกละหุกสำหรับคริสมาสปีนี้ คือที่ กาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาลค่ะ เนปาลเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆ คนที่อยากไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง เนปาลเป็นเมืองที่สวยงาม เต็มไปด้วยสีสันอย่างธรรมชาติ ยิ่งสำหรับชาวพุทธด้วยแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า เนปาลเป็นประเทศตั้งของศาสนสถานสำคัญของพุทธศาสนา คือ ลุมพินีวัน ที่ประสูติของพระพุทธเจ้า นอกจากนั้น คำว่าเนปาล ยังแปลว่า “ดวงตามแห่งพุทธะ” ด้วยค่ะ 

จริงๆ แล้วตอนแรกพวกเราเตรียมแผนการเดินทางทริปไปประเทศภูฎาณ แต่ก็ต้องยกเลิกอย่างกระทันหันเพราะเจ้าแม่แชทออนไลน์ของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งที่หลอกให้รอวีซ่าเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนเต็มๆ แถมต้องทวงถามแล้วทวงถามอีก และช่วงเวลาที่รอวีซ่าอยู่นั้น ทำให้พบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัททัวร์แห่งนี้ผ่านเว็บไซต์แนะนำการท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง บ้างก็ว่าเป็นชายอินเดียแปลงมาแชทในร่างของหญิงสาวพื้นเมืองภูฎาณ บ้างก็ว่า ทัวร์ไม่ค่อยดี ลุ่มๆ ดอนๆ ทำให้พวกเราขาดความไว้เนื้อเชื่อใจที่จะโอนเงินค่าทัวร์ให้เจ้าหล่อน (ซึ่งต้องจ่ายเต็มจำนวนทั้งหมดก่อนเดินทาง!) แอบขอเกริ่นให้ข้อมูลไว้ประกอบการพิจารณาเวลาติดต่อบริษัททัวร์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์นะคะ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้พวกเราเปลี่ยนแผนกระทันหัน ไปเป็นทัวร์ที่อยู่ในลิสต์ลำดับถัดไปของพวกเราก่อน นั่นก็คือ กาฐมาณฑุ (ภาษาไทย อ่าน กาด-มาน-ทุ แต่ภาษาอังกฤษ จะเป็น Kath-Man-du ออกเสียงเหมือน “ดุ” ตัวท้ายค่ะ) ซึ่งกาฐมาณฑุ (เนปาล) ก็อยู่ใกล้ๆ กับภูฎาณนั่นแหล่ะค่ะ

ชาวเนปาล ถ้าเรียกตามสัญชาติจะเป็น “เนปาลี (Nepali)” และคนเนปาลส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดูค่ะ  ประเทศเนปาลปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยและมีประธานาธิบดีเป็นผู้นำประเทศ

ทริปนี้เราจะอยู่แถวๆ เมืองกาฐมาณฑุ และเที่ยวๆเมืองใกล้ๆ เท่านั้น ประเทศนี้เข้าไม่ยากค่ะ ยื่นขอวีซ่า แค่สองวันก็ได้แล้วค่ะ โดยเตรียมเอกสารให้พร้อม ฝากใครไปยื่นแทนก็ได้ สามารถดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ของสถาณฑูตเนปาล ประจำประเทศไทยได้ที่นี่ค่ะ http://www.nepalembassybangkok.com/visathai.html แต่ถ้าไม่สะดวกขอวีซ่าก่อนเดินทาง ยังสามารถทำ Visa on Arrival ได้ที่สถานบินกาฐมาณฑุค่ะ แต่ตอนที่เราไปถึง คนต่อแถวขอวีซ่าเยอะมาก! ส่วนค่าวีซ่า เราทำแบบ 15 วัน คนละ 875 บาท หรือ $25
ตั๋วเครื่องบิน จากกรุงเทพฯ ไปกาฐมาณฑุ มีเพียงสายการบินเดียวค่ะ คือ สายการบินไทย สนนราคาค่าเครื่องบินไปกลับ เราอยู่ที่ คนละ 22,xxx บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาทีค่ะ

สนามบินที่กาฐมาณฑุ มีชื่อว่า “ตรีภูวัน” (Tribhuvan International Airport) แต่ก่อนลงจอด สายการบินไทยจะประกาศให้ทราบว่า “สนามบินนี้ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปใดๆ ภายในสนามบินโดยเด็ดขาด”… แต่ไม่ต้องแปลกใจค่ะ เพราะว่า ไม่มีอะไรให้น่าถ่ายรูป…
แต่ที่แปลกก็คือตอนเดินทางกลับประเทศไทย เวลาเช็คอินที่สนามบิน ส่วนที่เป็น security check เขาจะแยก แถวชายหญิง เนื่องจาก เขาจะมีเจ้าหน้าที่หญิงคลำตรวจเช็คร่างกายผู้หญิงด้วยกัน (คลำแบบละเอียดมาก แต่ไม่ได้ล้วงเข้าไป) เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เวลาเรียกขึ้นเครื่องบิน เขาจะให้ผู้หญิงขึ้นเครื่องก่อนให้หมด แล้วจึงค่อยให้ผู้ชายขึ้น (ยกเว้นตอนที่ขึ้นเครื่องบิน บินรอบเทือกเขาหิมาลัย ไม่ค่อยระเบียบเข้มงวดขนาดนี้ คือถ่ายรูปได้ ชายหญิงมาด้วยกัน เดินขึ้นเครื่องด้วยกันได้)


เงิน เนปาลใช้เงินสกุล รูปีค่ะ เงินเนปาลมีรูปสิงห์สาราสัตว์อยู่บนเงินแตกต่างกันไป แล้วแต่ราคาของเงิน พวกเราเอาเงินไทยไปแลกเงินรูปีที่สนามบินที่กาฐมาณฑุค่ะ อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2.71 รูปี ต่อ 1 บาทไทย หรือ 86 รูปี ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐฯ  (ข้างนอกสนามบินอัตราแลกเปลี่ยนจะแตกต่างกันเพียงนิดหน่อยเองค่ะ) แต่เวลาจับจ่ายซื้อสอยในตลาดหรือร้านใหญ่ๆ เขาก็รับเงินเกือบทุกสกุลเงินนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเงินไทย หรือเงินเทศ เพียงแต่ร้านเล็กๆ หรือร้านที่ขายของราคาถูกมากๆ ก็น่าจะมีเงินรูปีติดตัวไว้บ้างค่ะ เพราะว่าบางอย่างเขายังขายกันที่ 10 รูปี หรือประมาณ 3 บาทของเราค่ะ

เวลา เวลาที่เนปาลจะช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 1.15 ชั่วโมงค่ะ


โรงแรมที่เราเลือกผ่านอโกด้าคือ แชงกรีล่า ค่ะ สนนราคาต่อคืนประมาณ เกือบ 7,000 บาท (~$220) แพงมาก ถ้าเทียบกับโรงแรมในประเทศอื่นๆที่เราเคยไป ดูจากห้องและการตกแต่งแล้ว ไม่น่าเกินคืนละ 3,000 บาท แต่ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของเขาค่ะ (ช่วงตุลาคม – มีนาคม) จะว่าไปทำเลของโรงแรมนี้ก็ไม่ห่างจาก Thamel หรือ แหล่งช้อปปิ้งมากนัก ค่าแท็กซี่ประมาณ 55 บาท หรือ 200 รูปี  แท็กซี่ที่นี่คันเล็กมาก ส่วนใหญ่เป็นราคาเหมา ไม่มีใครเปิดมิเตอร์กันเลย ไม่รู้ติดมิเตอร์ไว้ทำไม??? สำหรับโรงแรม ไกด์ท้องถิ่นเราก็ยืนยันว่า โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของ กาฐมาณฑุเช่นกัน (ถัดไปประมาณร้อยเมตรมีโรงแรมม Gangjong ดูภายนอกโอเคเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง เป็นไว้เป็นตัวเลือกนะคะ)
ปลั๊กไฟ ตอนแรกแอบตกใจ เมื่อเวลาจะชาร์ทไอโฟนของเรา เห็นปลั๊กไฟที่นั่นเป็นรูกลมๆ สองรู บ้าง ห้ารูปบ้าง เสียบยังไงก็เสียบไม่เข้าแน่ๆ พอเช็คกับโรงแรม โชคดีที่เขามี adapter เตรียมไว้ให้

แต่ถ้าหากโรงแรมไม่ได้เตรียมไว้ให้ ก็สามารถหาซื้อได้ที่ Thamel ค่ะ

อาหารการกิน จะว่าไป เกิดมาเป็นฝรั่งได้เปรียบสุดในการเดินทางรอบโลก เพราะว่า ยังไงๆ ก็หา แฮมเบอร์เกอร์ กับเฟรนฟรายด์ได้แน่ๆ โดยเฉพาะที่นี่ แต่ร้านอาหารไทยที่นี่ก็มีนะคะ เห็นประมาณสองสามร้านค่ะ ส่วนเราทานอะไรก็ได้ เลยลองทานอาหารพื้นเมืองตลอดทริป โดยเฉพาะ คาบับ อาหารที่นี่ก็คงไม่แตกต่างจากอาหารอินเดียค่ะ มีกลิ่น และเผ็ดฉุนด้วยเครื่องเทศ อร่อยดี แต่กินทุกวันก็ไม่ไหวค่ะ ออกแนวไขมันเยอะไปนิดหนึ่ง

ส่วนอันนี้แอบดูมานาน ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ ก็จะมีเจ้านี้ขายอยู่เสมอ (แถมขายดีด้วย) ถามไกด์ของเรา เขาก็บอกว่าเจ้าพองๆ กลมๆ (ในรถ) ทำมาจากมันฝรั่งทอดกรอบค่ะ พวกเราเลยลองชิมดูค่ะ

เวลาเขาเสิร์ฟ เขาจะนิ้วเจาะมันฝรั่งนั่น แล้วตักเครื่องเทศ (มันกวนมาเป็นก้อน) ใส่ลงไปในรูมันฝรั่ง (ที่เพิ่งใช้นิ้วเจาะเมื่อกี้) แล้วราดน้ำอะไรอีกที ใส่จานยื่นมาให้เรา เราให้ไกด์ทานให้ดูก่อน คือต้องใส่ปากไปทั้งลูกเลยค่ะ (ลูกใหญ่มาก!) จากนั้นเขาเสิร์ฟอันใหม่ให้เรา เราลองกัดชิมไปคำนึง รดชาดกรอบๆ เผ็ดๆจากเครื่องเทศ และ เปรี้ยวๆ หวานๆ (น่าจะมาจากน้ำที่เขาราด) ราคา 4 อัน ต่อ 10 รูปีค่ะ (ประมาณ 3 บาท!!!)

สิ่งที่เราเห็นอีกอย่างคือ กาฐมาณฑุเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผัก ผลไม้ค่ะ

โดยเฉพาะช่วงนี้ส้มเยอะมาก ไปทางไหนก็มีแต่ส้มขายค่ะ แต่ที่แปลกคือ ไม่ว่าจะขายผลไม้ ผัก หรือว่า เนื้อวัว เนื้อไก่ คือไม่ว่าจะขายอะไรเขาก็ยังใช้ตาชั่งแบบโบราณ นับว่าเป็นการซื้อขายที่ไว้ใจตาคนขายมากจริงๆ

ไม่แปลกใจเลยที่เมืองไทย แขกเขาจะขายถั่วกัน เพราะที่นี่เขาขายกันเกลื่อนเมืองค่ะ และเราก็ชอบทานถั่วเป็นชีวิตส่วนตัวด้วยแล้ว โดยเฉพาะ“ถั่วลิสงอบ” จริงๆ กินสองเม็ดแรกเหมือนไม่สุก แต่กินไปเรื่อยๆ ก็ชิน คิดว่าอร่อยดีเหมือนกัน ราคาขายกระป๋องเล็ก 10 รูปี (3 บาท) ส่วนกระป๋องใหญ่ 20 รูปี (ประมาณ 5.50บาท) แต่อย่าซื้อเยอะ เพราะเราโดนป้าขายถั่วโกงไปหลายรูปีเหมือนกัน…

เราสังเกตรอบๆ เมือง กาฐมาณฑุ ยังคงรักษาความเป็นพื้นเมืองไว้มาก โดยมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ไม่กี่ที่ ยังคงไม่มี 7-11 หรือมินิมาร์ท นอกจากมีร้านค้ามินิสโตร์ในย่าน Thamel บ้าง แต่นอกเหนือจากนั้น ร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นร้านค้าของคนพื้นเมือง หรือโชว์ห่วยของแบบบ้านเราเต็มไปหมด ก็ดูมีสีสันไปอีกแบบค่ะ

ไม่ได้โฆษณาโค้กนะคะ แต่ว่า ร้านค้าส่วนใหญ่ทาสีแบบนี้ค่ะ ยิ่งร้านโค้กสีแดงสดใสมาก ไม่ค่อยมีร้านที่ตกแต่งด้วยป้ายสกรีนคอมพิวเตอร์ แบบนี้ดูขลังดีค่ะ…

ส่วนสินค้าอื่นๆ มีขายอยู่ทั่วไปตามสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ ถ้าถูกใจที่ไหน แนะนำว่าให้ซื้อเลยเพราะว่าเป็นสินค้างานฝีมือ ความสวยงามและความละเอียดของแต่ละชิ้นงานย่อมแตกต่างกันไปแล้วแต่ลักษณะของช่างฝีมือแต่ละคน แต่อย่างที่กล่าวไว้บ้างแล้วก็คือ ที่ Thamel (ธาเมล) เป็นย่านช้อปปิ้ง คล้ายๆ กับร้านค้าที่ถนนข้าวสารค่ะ


โดยสินค้ายอดนิยมของที่นี่ก็คือ หน้ากากแกะรูปสลักเทพเจ้าต่างๆ ที่ทำด้วยไม้ และทาสีสันสวยงามมาก ราคาก็ไม่แพงค่ะ แต่ว่ามันหนักมาก นอกจากนั้นก็เป็นหุ่นชักที่มีสีสันสวยงามไม่แตกต่างจากหน้ากากไม้

นอกจากนั้น ยังมีเสื้อผ้าลายปักสีสดใส ชาวเนปาลมีแค่จักรแบบธรรมดาเครื่องเดียวก็สร้างสีสันบนเสื้อยืดได้ (แต่ว่าสักแล้วจะหด และสีของด้ายก็จะจางลงค่ะ) นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกต่างๆ ราคาก็ต่อรองได้แบบไม่ต้องง้อพ่อค้า (เพราะว่ามีหลายร้าน) และแต่ละร้านก็ขายเหมือนๆ กัน
และที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็คือ ร้านอาหารค่ะ ก็เราไม่ได้ฝากท้องกับกรุ๊ปทัวร์นี่ค่ะ เราต้องหาอาหารทานเองค่ะ และที่ Thamel ก็มีร้านอาหารเยอะมาก ร้านอย่างหรู และทานกันเกินอิ่ม ตกมื้อละ พันกว่าๆ บาทค่ะ

สุดท้ายเรื่องทัวร์ค่ะ
พวกเราตัดสินใจไปหาทัวร์เอาดาบหน้า เพราะว่าตอนที่ยังไม่ได้เดินทางก็ติดต่อกับบริษัททัวร์ของโรงแรมแชงกรีล่าไว้บ้างแล้ว แต่คุยไปคุยมา ราคาขึ้นสูงมากไปหน่อย บวกกับเราเช็คดูแล้วว่าแท็กซี่ที่กาฐมาณฑุหาง่ายมาก ดังนั้น ในกรณีที่หาซื้อทัวร์ไม่ได้ เราก็จะขึ้นรถแท็กซี่ทัวร์กันเองค่ะ (แต่จะบอกว่า มันคงยากนิดหนึ่ง ด้วยการสื่อสาร และสถานที่บางที่เดินเข้าไปเองสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ค่ะ)
แต่สุดท้ายพวกเราเจอบริษัททัวร์ที่สนามบินกาฐมาณฑุค่ะ (แต่แถวๆ Thamel ก็มีบริษัทรับทำทัวร์อยู่หลายร้านเหมือนกัน) จริงๆ ถ้าเทียบกับราคาโรงแรมแล้ว ราคาทัวร์พวกเราก็ไม่แพงมาก เพราะว่านี่เป็นทัวร์ส่วนตัว คือมีรถ พร้อมคนขับ และไกด์ภาษาอังกฤษ ให้เรา (แม้ว่าภาษาอังกฤษของไกด์จะออกแนวฟังไม่เข้าใจบ้าง แต่ประโยชน์ของไกด์ก็คือ เดินนำค่ะ อย่างบางที่ถ้าเดินเองก็อาจจะหลง หรือเดินผิดเดินถูกได้) สรุปโปรแกรมทัวร์ของพวกเราสำหรับ 3 วันเต็ม (ไม่รวมวันเดินทางขาไป กับขากลับ) ทั้งหมดทั้งสิ้น $600 (คนละ $300 หรือ 9,000 บาท) หรือสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ตกประมาณคนละ 50,000 บาทต้นๆ ค่ะ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากกรุ๊ปทัวร์มากนัก แต่ว่าได้รสชาดของการเดินทางไปอีกแบบ

สำหรับแฟนเพจ Somethingjam.com บนเฟสบุ๊ค สามารถคลิกที่รูปเพื่อดูรูปภาพจากทริปนี้เพิ่มเติมได้ค่ะ

แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นแฟนเพจกับเรา ก็เชิญได้ที่นี่นะคะ : http://www.facebook.com/pages/Somethingjamcom/254331504636030

อ่านต่อทริปต่อละทริปของเราที่เนปาลอย่างเข้มข้นได้ที่…

 1. City tour ในเมืองกาฐมาณฑุ สี่ที่ที่สำคัญของเมืองค่ะ SWAYAMBUNATH STUPA (วัดลิง), PETAN DURBAR SQUAR, BAUDHANATH, KATHMANDU DURBAR SQUARE
 2. ครึ่งเช้า เป็นการบินชมน่านฟ้าเนปาลตลอดแนวเทือกเขาหิมาลัยค่ะ ต่อครึ่งบ่าย ด้วยทัวร์ ที่ขอแต่คนขับรถ (ประหยัดเงินค่าไกด์) โดยพาพวกเราไปที่ DAKSHINKALI ที่นี่ไกลจากเมืองไปประมาณ 40-45 นาที เป็นวัดฮินดู แต่ตอนขากลับได้แว่ะ วัดพุทธแห่งหนึ่งก็น่าสนใจดีค่ะ
— เร็วๆ นี้ค่ะ —
 3. ทัวร์อีกหนึ่งวันเต็ม โดยอันนี้ขับออกไปนอกเมืองกาฐมาณฑุ คือเมืองปักตะปูร์ อัญมณีแห่งเนปาล (มรดกโลก)แว่ะสักการะรูปปั้นพระศิวะที่สูงที่สุดในโลก และชมวิวภูเขาที่เมือง  NAGARKOT
— เร็วๆ นี้ค่ะ —

หรือติดตามทริปภายในประเทศทั้งหมดได้ที่: https://www.somethingjam.com/all-trips
และทริปต่างประเทศได้ที่: https://www.somethingjam.com/thai-neighborhood-trips

One thought on “ริวิว ทริป กาฐมาณฑุ (เนปาล)

  1. Greetings from Nepal,

    With great pleasure, I would like to introduce our company Adventure Club Inc. as one of the pioneer adventure and leisure travel and trekking agency based in the Himalayan Kingdom (Kathmandu), Nepal. We organize a range of travel experiences like trekking, tours and sightseeing, peak climbing, mountain expedition, jungle safaris, river rafting, home stay, mountain biking, spa and wellness packages, honeymoon packages, golf packages, spiritual tours, luxury hotels / rural villas / boutique hotels reservation, business and conference travel and more.

    We offer carefree travel, challenge your skills on the country’s most popular trekking trails and visit “World Heritage and Cultural Heritage” sites in ancient cities of Nepal, Tibet, Bhutan or India. Take a plane or a helicopter for an awe-inspiring flight, which will lead you past the highest peaks of the Himalayas.

    The sole motive of our company is to cater those agencies who would love to sell the packages of Nepal, Tibet, Bhutan or India with their limited time and budget. Tell us about the holiday experience you desire and we will arrange it. We would be glad to forward any kind of information in regard to the “Nepal, Tibet, Bhutan or India” if you will be interested.

    Meanwhile, I shall be looking forward to work for the mutual benefit of both companies ahead.

    With warm regards,

    Hari Om Sapkota
    Managing Director

    Adventure Club INC.
    GPO Box 25016,
    Thamel, Kathmandu, Nepal
    Tel – Fax: + 977-1-4384159
    GSM: + 977-9851056271
    E-mail: info@adventureclubinc.com
    Url: http://www.adventureclubinc.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up