วันเดียวเที่ยวเกียวโต จากโอซากา ไป Fushimi Inari Shrine, ทานบะหมี่จานร้อน และแว่ะตลาดปลา Nishiki
ไม่แน่ใจว่าชอบหรือเปล่า เป็นเพราะหลงขาไป เพราะรถไฟสายJR ไม่ค่อย freindly user กับเราเท่าไร เราก็จะข้ามไปพูดถึง แต่สาย Kaihan (เราจำว่า สายไข่ห่าน จะได้จำง่ายขึ้น มันมีหลายสาย)
วันนี้ซื้อบัตร one day pass ของโอซากา-เกียวโต (Osaka- Kyoto) อ่ะคุ้ม ถ้าพักแถวๆนัมบะ หรือไกลจาก umeda กับ Shin-Osaka (เพราะสองที่นี่สามารถต่อรถไฟไป เกียวโตได้)
บัตรที่ซื้อมาเป็นแบบรวมของรถไฟฟ้าของโอซากา (Osaka Metro ซึ่งไม่เกี่ยวกับ JR line นะ) ราคาคนละ 1,400เยน โดยจากสถานีนัมบะ นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ไปลงที่สถานี Yodoyabashi เพื่อเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าไปสาย Kaihan เป็นขบวนไปเกียวโต (ถ้าไปนั่งที่สถานีอื่นๆ จะมีหลายสายให้เลือก)
ที่แรกเลย คือไปศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ Fushimi Inari Shrine ลงสถานี Fushimi-inari
ตอนออกจากสถานี ซึ่งน่าจะมีทางออกเดียว ให้เลี้ยวซ้าย จะเห็นทางตรงไปศาลเลยค่ะ ระหว่างทางจะมีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกมากมาย ยิ่งใกล้ถึงวัดยิ่งมีร้านอาหารเต็มไปหมด
ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ เดินเข้าไปที่ Main Shrine ก่อนเลย แล้วจะเห็นทางเดินขึ้น ที่ตลอดทางเต็มไปด้วยเสาต้นแดง
ตอนเห็นเสาแดงต้นแรกๆ นี่ตื่นเต้นมาก เดินต่อไป เดินต่อไป ก็มีเรื่อยไป จนถึงยอดเขา เรียกว่า ขาลากเลย ถ้าจะให้แนะนำให้เดินเท่าที่พอเดินได้ก็พอ เพราะเราไปถึงข้างบนเราก็อ่านไม่ออกอยู่ดี ดูจากภาพถ่ายก็มีแต่เสาแดงๆ เก็บแรงไว้ขาลงด้วย ขึ้นไปสูงเท่าไร ก็ต้องลงกลับมาไกลเท่านั้น เผื่อเวลาไปที่อื่นบ้าง เราอดไปปราสาททองก็เพราะมัวเดินไปถึงยอดเขา
แถมขากลับลงมาหิวมาก แต่คนต่อแถวร้านอาหารแน่นไปหมดทุกร้าน เลยไปกินไอติมร้านนี้ รถนมก็เข้มข้น รสชาเชียวก็นุ่มนวลกลิ่นชาเขียวงี้ขึ้นจมูกเลยค่ะ
ขากลับแว่ะร้านตะเกียบ ซื้อตัเกียบแถมสลักชื่อให้ฟรี เขาแปลจากชื่อภาษาอังกฤษของเราเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ด้วย โชคดีที่เราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เพราะป้าคนไทยคนนึงแกอ่านออก แล้วแกโวยวายดังมากว่าสะกดชื่อเราผิด จริงๆบอกเขาดีๆเขาก็ทำให้นะ เราเลยไม่แสดงตนว่าเป็นคนไทยเหมือนกันไปเลย
จากนั้นก็ขึ้นรถไฟสายไข่ห่าน Kaihan สายเดิม ไปลงสถานี Sanjo แล้วต่อรถเมล์สาย 10
ตอนลงรถไฟฟ้า ให้ออกทางออกที่3 แล้วเดินเลียบเลี้ยวซ้ายจะมีป้ายรถเมล์ ถ้ามีสายเลข10 ก็ยืนรอรถเมล์
ตอนพวกเราขึ้น ค่าโดยสายรถเมล์เป็นราคาแบบเหมาคือคนละ 230เยน เขาให้จ่ายลงกล่องแบบพอดี ไม่มีทอน แต่บนรถมี จะตู้ให้แลกเหรียญ
นั่งรถเมล์ไปลงที่สถานี Marutamachi Chiekoin บนรถเมล์จะมีจอบอกชื่อสถานี ขึ้นและลงไม่ยากเลย
พอถึงป้าย ให้เดินย้อนมาจากป้ายรถเมล์อีกนิดเดียวก็เห็นร้านราเมน Menbaka Fire Ramen ซึ่งมีอยู่ร้านเดียว มาถึงไปกดรับบัตรคิวเลย เขามีวิธีกดไม่ยาก
เรามารอแค่แป่บเดียว คนมาต่อคิวยาวเหยียดเลยค่ะ คนที่มาร้านราเมนนี้ มาเพื่อดูราเมนไฟลุกกันมากกว่ามาทานอีกมั้งค่ะ แล้วบริเวณใกล้เคียงไม่มีอะไรเลยค่ะ มาเพื่อร้านนี้จริงๆ
หากมาผิดจังหวะนิดเดียวจะต้องรอนานนิดนึง เพราะเขารันคิวเป็นกรุ๊ป ค่ะ หมายถึง เขาไม่ได้ทำทีละถ้วยสองถ้วย แต่ทำทีละหลายๆถ้วย จึงต้องรอเรียกรวมๆกับคนอื่น
ตอนที่พวกเรารอนั้น เป็นคิวที่ 30 ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเรียกเบอร์ 28 เข้าไปแล้ว แสดงว่าเราต่อคิวอีกแค่คิวเดียว แต่สรุปเราก็ต้องรอกลุ่มก่อนหน้านี้ออกมาทั้งกลุ่ม และเราก็ถูกเรียกเข้าไปอีกทั้งกลุ่มเช่นกัน ใช้เวลารอไป 30นาที กันอย่างเหน็บหนาวอยู่ด้านนอก…
แต่พอเข้าไปแล้ว เขาจะเทคแคร์ดีมาก
จากนั้นก็ให้สั่งราเมน จะมีไม่กี่set เมนูค่ะ หากอยากทานสองถ้วยให้สั่งไปเลยทีเดียว ไม่งั้นก็ต้องไปต่อคิวอีกรอบนะ
พอทุกคนสั่งเสร็จ เขาก็เริ่มลวกเส้น ซึ่งเส้นราเมนนี้ที่นี่เขาทำเอง (เขามีคอร์สเรียนทำเส้นกับเขาด้วยนะ ต้องจองผ่านเว็บเขาค่ะ) จากนั้น เขาจะขอไอโฟนเรา ถ้าหากเราอยากถ่ายวีดีโอ (รู้ใจสุดๆ) แนะนำว่าให้เหลือแบตและmemory space อย่างน้อยสำหรับวิดีโอความยาวประมาณ 5นาทีค่ะ
พนักงานอีกคนจะแจกกระดาษคลุมขา คลุมตัวให้ทุกคนใส่
จากนั้นเขาก็จะเอาถ้วยราเมนวางไว้ตรงหน้าพวกเรา พร้อมกับมีป้ายบอกเราว่า ห้ามจับ ห้ามเอามืออกนอกกระดาษคลุม ห้ามกรี๊ด ห้ามวิ่งหนี 555
ใกล้ถึงเวลาเขาก็กดอัดวิดีโอบนมือถือให้เรา
แล้วเขาก็รนกระทะด้วยไฟ ในกระทะน่าจะมีน้ำมันร้อนๆ จากนั้นก็มาเทใส่ถ้วยราเมนตรงหน้าเรา เพราะน้ำมันร้อนมาเจอกับน้ำซุปก็เกิดเป็นประกายไฟร้อนมากๆ
แสบหน้าเลยอ่ะ ยิ่งกว่าไปทำเลเซอร์ที่หน้ามาอีก
เขาบอกว่า ยังไม่เคยมีใครตายที่นี่ 555
จากนั้นก็ทานได้ค่ะ ซดโฮกแรกเข้าไปจะได้กลิ่นน้ำซุปแบบรมควันหอมขึ้นจมูก สำหรับเราแล้วน้ำซุปออกไปทางเค็มนิดๆ (ปกติไม่ทานเค็ม จะรู้สึกไวกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ) แต่เขามีพริกแบบซอสให้เติม (ถ้าชอบรสจัดจ้าน ให้เตรียมน้ำสมสายชูแบบถุงกับพริกป่น น้ำตาลไปเลย) แต่เส้นที่เขาทำเอง เหนียวนุ่ม ของเราทานกับไข่ต้ม เข้ากั๊นเข้ากัน
แต่พอหมดจานแล้ว มันก็คือ ราเมน ดีๆนั่นเองค่ะ เหลือแค่วิดีโอกับความทรงจำ…
ฝรั่งที่มาทุกคนที่คุยกับพวกเรา ตื่นเต้นและชอบมาก เราก็โอเคนะ พอดีมีเวลา ทำอะไรที่คนปกติเขาไม่ทำกันบ้าง
ทานเสร็จจ่ายเงิน เดินออกไปรอรถเมล์สายเดิม สาย 10 แต่ฝั่งตรงข้าม ไปตลาด Nishiki
นั่งรถเมล์อีก 25นาที (รถเริ่มติดแล้วหลัง4โมงเย็น) แต่ก็ยังไปทันตลาด Nishiki ที่จะเริ่มซาและปิดหลังหกโมงเย็น
ตลาดนี้จริงๆ ไม่แตกต่างกับตลาด Kuromon ในโอซาก้ามากนัก รอบๆ มีถนนแบบแฟชั่นๆ ด้วย
แต่ถึงยังไงเราก็ต้องมาขึ้นรถไฟฟ้าสาย Kaihanที่นี่ กลับไปโอซาก้า ซึ่งก็ยิงยาวไปจนถึงสถานี Yodoyabashi เพื่อไปต่อสายMiso(สายสีแดง) จากนั้นก็นั่งต่อไปแค่ 3สถานีก็คือ สถานีนัมบะ แล้วก็เดินกลับ รร เราได้
จบทริปวันนี้ ค่อนข้างล้า แอพฯในไอโฟนบอกว่า เราเดินขึ้นเขา และเดินทั้งวันนี้ เทียบเท่ากับเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 63ชั้น!!!