สบายดี “หลวงพระบาง” พระธาตุพูสี ตลาดมืด

(English Version is coming soon)

สบายดีหลวงพระบาง ณ ประเทศลาว วันที่หนึ่ง (วันที่เดินทาง 12 สิงหาคม 2552)…มาถึงวันแรก ก็เดินดูรอบๆ เมืองหลวงพระบาง สักการะพระธาตุพูสี และเที่ยวตลาดมืด

ทัวร์เพื่อนบ้าน ที่จัดทำทริปเอง มีแค่หนังสือนำเที่ยวเล่มหนึ่ง กับความอยากไปเที่ยวที่หลวงพระบาง..

ตอนแรกยังเบลอๆ คิดว่า หลวงพระบางคือ เมืองหลวงของประเทศลาว แต่จริงๆ แล้วเมืองหลวงของลาว คือเวียงจันทร์ต่างหากล่ะ (จะบอกเขาทำไมเนี่ย?!!)

ถ้าเทียบกับประเทศไทย หลวงพระบางก็คงคล้ายๆ กับอยุธยา คือเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน กล่าวคือ หลวงพระบางเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศลาวมาก่อนนั่นเองก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเป็นเวียงจันทร์ (มิน่าล่ะเราถึงได้เข้าใจผิดระหว่างสองเมืองนี้!)

ถึงแม้ว่าช่วงที่ย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทร์ แต่เจ้ามหาชีวิตของชาวลาวก็ยังคงประทับอยู่ที่หลวงพระบาง ด้วยเหตุนี้ทำให้หลวงพระบางเป็นราชธานีเก่าแก่ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย และมีธรรมชาติที่สวยงาม จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

และถึงแม้ว่าประเทศลาวจะอยู่ใกล้เรา เป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร แต่การเดินทางไปประเทศลาวก็คือการเดินทางไปยังต่างประเทศอยู่ดี ทีนี้เราก็ต้องเตรียมตัวเตรียมสิ่งของอย่างไรบ้างล่ะ???

คนไทยต้องทำวีซ่าไหม?

คนไทยเพียงแค่มีพาสปอร์ตก็เข้าประเทศลาวได้แล้ว แต่สำหรับชาวต่างชาติต้องเช็คนิดนึงค่ะว่าต้องทำวีซ่าหรือเปล่า อย่างคณะของพวกเราก็เป็นชาวอเมริกัน ต้องทำวีซ่าค่ะ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมประมาณ $50 ค่ะ  สถานฑูตลาว อยู่เลยแยกเหม่งจ๋ายไปทางรามอินทราอาจณรงค์ หาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทาง ถ้าไปเหม่งจ๋าย (ห้วยขวาง) ถูก…

จะไปยังไง?

เท่าที่เรารู้ มีเพียงสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ กับสายการบินลาว เท่านั้นที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปหลวงพระบาง ทางเราเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เพราะว่าการจองผ่านเว็บไซต์ของลาวนั้นค่อนข้างยาก สนนราคาตั๋วไปกลับ ตอนนั้นก็คนละ 16,xxx บาท (ที่แพงอาจจะเพราะว่าเดินทางช่วงวันหยุดหรือเปล่าไม่แน่ใจค่ะ) แต่อย่างที่เขาโฆษณาค่ะ ผู้โดยสารทุกท่านสามารถเข้าไปพักผ่อน และรับประทานของว่าง เล่นอินเตอร์เน็ตฟรีที่ lounge ของ Bangkok Airway ได้

พักที่ไหน?

จากการหาที่พักทาง Agoda จะเห็นว่าราคาที่พักที่ หลวงพระบางค่อนข้างสูงตามระดับดาวของโรงแรม เราจึงเลือกกลางๆ และที่เราเลือกพักก็คือ วิลล่ามาลี  (Villa Maly – ที่Agoda เขียนว่า สี่ดาว ประมาณคืนละ 4พันกว่าบาทค่ะ)  เดอะวิลล่ามาลี สวย สะอาด ตกแต่งสวย มีสไตล์ เช่นมีโอ่งน้ำในห้องอาบน้ำ แต่ห้องค่อนข้างเล็กค่ะ ถ้าเทียบกับความคาดหวังไว้ เป็นตึกสูงแค่สองชั้น อาหารบุฟเฟ่ต์ไม่ค่อยหลากหลาย เพราะว่าจำนวนห้องน้อย แขกก็น้อย จึงเป็นธรรมดาที่ไม่ค่อยคุ้มถ้าจะทำอาหารมากๆ

วิลล่ามาลี ต้องเดินไกลออกมาจากตัวเมืองของหลวงพระบาง แต่ก็ระยะที่เดินได้แบบออกกำลังกายไปในตัว (ขึ้นตุ๊กๆ 80 บาทค่ะ) ถ้าเราจะลองพักครั้งหน้า คงจะเป็นที่โรงแรมพูสี ที่อยู่ใกล้หลวงพระบางมากกว่า  แถมเวลาตักบาตรข้าวเหนียว พระท่านก็เดินผ่านโรงแรมนี้พอดีค่ะ  แต่ข้างในไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะคะ(แต่ดูเก่ากว่าวิลล่ามาลี)

ใช้เงินสกุลอะไรดี?

เงินไทย ใช้ได้ดีที่หลวงพระบาง แต่ขอบอกว่าให้เตรียมแลกเป็นแบงค์ยี่สิบไปเยอะๆ เพราะอะไรๆ ก็เหมือนๆ ว่าจะลง ยี่สิบ สี่สิบ แปดสิบทั้งนั้น และขอบอกว่า คนลาวไม่มีเหรียญ ก็หมายความว่า เขาไม่ใช้เหรียญค่ะ ไม่ว่าเหรียญอะไรทั้งนั้น เอาแบงค์ไปดีกว่า แต่บางร้านเมื่อเขาคิดราคาเป็นเงินลาว แล้วเราต้องการจ่ายด้วยเงินไทย เขาก็รับค่ะ แต่ส่วนที่เป็นเงินทอน เขาจะทอนให้เป็นเงินลาวค่ะ

จำไว้ง่ายๆ ถ้าค่าเงินไม่เปลี่ยนแปลงมาก ช่วงนี้ 5,000 กีบ ก็คือ 20 บาทไทยค่ะ

บางร้านใหญ่ๆ ก็รับเป็นเงินดอลล่าร์ค่ะ พอบอกว่าเช็คบิล ใบเสร็จจะมีราคาออกมาเป็น 4 สกุลเงิน คือเงินสกุลลาว (Kip) สกุลไทย(Baht) เงินดอลลาร์ (USD) และเงินยูโรฯ (EURO) แต่เท่าที่สังเกตุร้านค้าเล็กๆ และร้านค้าในตลาดกลางคืนจะชอบเลือกเป็นเงินไทยมากกว่า…

ก่อนไปเราจะทำรายการขึ้นมาเอง โดยอ่านจากหนังสือและกูเกิ้ลบ้าง รวมๆ ให้เหมาะกับทริปสั้นๆ 3 วัน 3 คืน เต็มๆ จะลอกเลียนแบบก็ได้นะคะ

ไปไหนและทำอะไรดีที่หลวงพระบาง?  
โปรแกรมทัวร์แบบ Somethingjam.com (ดาวน์โหลด)
หรืออันนี้ค่ะ ของฝรั่ง Derek ฝรั่งท้องที่ที่หลวงพระบาง เขาเขียนแนะนำไว้ว่า ควรหรือไม่ควรทำอะไรในหลวงพระบาง…(ดาวน์โหลด ภาพขนาดใหญ่ พออ่านได้ว่าเขาเขียนอะไรบ้าง)

วันแรกก็ สบายดี หลวงพระบางแล้ว!

ออกเดินทางชิวๆ เริ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิบ้านเรา ด้วยเวลาขึ้นเครื่องประมาณเที่ยง และใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินประมาณเกือบๆ สองชั่วโมง ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน เขาจะมีแบบฟอร์มขอวีซ่าและบัตรเข้าเมืองให้กรอกค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้ทำวีซ่ามาก็สามารถทำที่สนามบินได้ แถวก็ไม่ยาวมากนัก…

ถึงหลวงพระบาง สนามบินของหลวงพระบางน่ารักมาก เล็ก และกระทัดรัด ทางเข้าทางออกแถบจะเป็นทางเดียวกัน…

แอบมึนเวลาคนลาวทักว่า “สบายดี” ก็พยายามจำว่าหมายความว่า “สวัสดี” พวกเราก็ตอบว่า “สบายดีค่ะ/ครับ” เพราะเข้าใจว่าถามว่า “สบายดีไหม?”  โชคดีที่พวกเราสบายดีตลอดทริป ไม่งั้นคงเผลอตอบไป ว่า “ไม่สบาย…”

เพราะเรามาเองแบบชิวชิว ไม่ได้ซื้อทัวร์ และโรงแรมที่จองก็ไม่ได้รวมรถรับส่ง แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ พอเดินออกจากสนามบินจะมีแท็กซี่จัดไว้ให้บริการ โดยราคาค่าแท็กซี่คิดว่าเป็นราคาแบบเหมา พอบอกว่าไปโรมแรมวิลล่ามาลี เขาก็บอกว่าสองร้อยบาททันที โดยใช้เวลาประมาณ 30นาทีเราก็ถึงที่พักโรงแรมพวกเราแล้ว

ถึงโรงแรม ฝนก็ตกปรอยๆ ทันที ก็นี่มันเดือนสิงหาคมนี่นา ภูมิอากาศที่นี่คงไม่ต่างจากประเทศไทยมาก แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของพวกเราเลย!

ได้แผนที่แบบพอสังเขปมาจากโรงแรม เราก็เริ่มเดินสำรวจรอบๆ หลวงพระบางก่อน

ถนนหลักจะมีร้านอาหารและร้านค้า และที่พักตลอดทาง ตลอดแนวไปก็จะเป็นพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ ส่วนด้านหลังของพระราชวังและพิพิธภัณฑก็เป็นถนนเล็กๆ ที่ลัดเลาะตลอดแนวแม่น้ำโขง  และจนได้เป็นแผนที่ของพวกเราเองประมาณนี้ค่ะ


แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องป่องๆ ก็นี่เกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่นา พวกเราเลยพักและทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนอื่นพวกเราต้องขอสั่งเบียร์ลาวมาซดก่อนเลย ก็เห็นฝรั่งที่เมืองไทยใส่เสื้อแล้วเราอ่านว่า “เบยลาว” และแอบคิดว่าเขาแต่งงานกับสาวลาวซะอีก แต่จริงๆแล้วเป็นตัวอักษรกับวิธีสะกดของคำว่า “เบียร์ลาว” นั่นเอง

รายการอาหารที่นี่ ชื่อคล้ายๆ กับอาหารไทยเลย มีที่เราคิดว่าเรารู้จักดีก็คือไส้กรอก ที่เราคิดว่าคงเหมือนไส้กรอกอิสานบ้านเฮา แต่ขอบอกว่ารสชาติแตกต่างมากมายค่ะ บอกไม่ถูกว่าอร่อยหรือเปล่า แต่เราคงไม่สั่งอีกตลอดทริปนี้

อ้อ ขอบอกว่าช่วงที่รออาหาร (ก็นาน) ยุงเยอะมาก ไม่น่าละ สเปรย์กันยุงที่นี่ถึงได้มีขายทุกร้าน แต่ก็แพงทุกร้านเหมือนกัน

พระธาตุพูสี

ท้องตึงแบบไม่ใช่รสชาติที่เราคุ้นเคยแม้ว่าชื่ออาหารเราจะคุ้นๆ แต่หลังจากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปที่พระธาตุพูสี ระหว่างทางเดินก็สะดวกสบาย เดินไปเรื่อยๆ ไม่ใกล้ ไม่ไกล ก็ถึงทางขึ้นพระธาตุพูสี

จากข้อมูลที่เราได้ศึกษามา (เพราะว่าไม่มีไกด์คอยแนะนำสถานที่) พูสี และพระธาตุจอมพูสี เปรียบเสมือนหลักเมืองของหลวงพระบาง มีความสูงประมาณ 150 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ใจกลางเมืองจริงๆ เพราะว่าถนนด้านล่างก็คือพระราชวัง และตลอดแนวนั้นก็คือ ตลาดมืด (ตลาดกลางคืน Night Market ) ที่มีกันทุกคืนเลยค่ะ

พระธาตุพูสีไม่มีเวลาเปิดปิดที่แน่นอน ส่วนใหญ่จะบอกว่าเปิดตลอดวัน แต่ว่ากันว่า เวลาที่ดีที่สุดที่จะขึ้นไปชมพระธาตุพูสีนั้นประมาณ บ่ายสี่โมงกว่าๆ เพราะว่าแสงแดดจะสาดส่ององค์พระธาตุให้เป็นสีทองสุกปลั่ง และหรือนั่งรอชมตะวันตกดินที่นี่ เพราะว่าพระธาตุพูสีนั้นยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองหลวงพระบางอีกด้วย

ค่าธรรมเนียมเข้าชมพระธาตุแห่งนี้ ประมาณ สองหมื่นกีบค่ะ แปลเป็นไทย หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ราวๆ แปดสิบบาท อย่างที่บอกว่าพระธาตุพูสียังเป็นจุดชมวิวของเมืองหลวงพระบาง

บอกเลยไม่ต้องเสียเวลาเดาว่าก็ต้องเดินขึ้นไปสูงเหมือนกัน สอบถามคนขายบัตร ได้ความมาว่าประมาณ 350ขั้นบันได แปลเป็นไทยมาอีกทีก็คง 350 ขั้นบันไดนั่นแหล่ะ…แต่จริงๆ เดินแค่พอหอบแฮ่กๆ ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก เพียงแต่อย่าแบกอะไรไปมาก พวกเราแบกแค่กล้องขึ้นไปก็คอแทบเคล็ดแล้ว


เมื่อถึงพระธาตุพูสี สิ่งเดียวที่ทุกคนเรียกหากันก็คือน้ำเปล่าเย็นๆ สักขวด…หลังจากนั้นเราก็กราบสักการะพระธาตุพูสีและชื่นชมวิวรอบๆ จากจุดนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ตัวเมืองหลวงพระบางได้เกือบรอบเมือง

ส่วนอีกด้านก็มองเห็นสายน้ำโขงช่วงที่คดเคี้ยวหายเข้าไปในหุบเขาและมองเห็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ริมน้ำโขงได้ด้วย ยามเย็นจากยอดภูสียังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากนานาชาติที่มารวมตัวกัน

ก่อนที่จะตัดสินใจเดินลง 350 ขั้นเดิม…ก็ประจวบเหมาะกับตลาดกลางคืน หรือตลาดมืด พอดี เพราะว่าเขาเริ่มๆ กันประมาณ 6 โมงเย็น และจะเริ่มซาๆ ลงประมาณ สี่ทุ่ม ถนนที่ตั้งตลาดมืดนี้ชื่อ ถนนศรีสว่างวงศ์ โดยตลาดจะเริ่มตรงสี่แยกที่ทำการไปรษณีย์แขวงหลวงพระบางไปจนสุดพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ถนนเส้นนี้ก็จะปิดการสัญจรไปช่วงเวลาที่มีตลาดค่ะ (แต่เราเห็นว่ารถที่หลวงพระบางไม่มาก ไม่เคยเห็นรถติดเลยซะด้วยซ้ำ)

อย่างที่เกริ่นๆ มาแล้วข้างต้น ว่าช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงหน้าฝน ทางตลาดเขาก็มีผ้าใบกางกันฝนตลอดแนว (หรือเขามีแบบนี้ตลอดก็ไม่รู้ค่ะ) ก็เลยถ่ายรูปยากนิดนึง ส่วนสินค้าที่นี่บางอย่างก็ผลิตกันเอง เป็นสินค้าแบบโอทอปบ้านเรา แต่บางอย่างก็รับมาขาย ที่ทีมงานพวกเราชอบกันก็คือเหล้าลาว ที่มีงูและสัตว์เลี้อยคลานดองอยู่ด้วยแต่มีไม่มากที่ตลาดมืดแห่งนี้(แต่เราจะไปที่หมู่บ้านทำเหล้าลาวกันในวันที่ 3ค่ะ)  พวกสมุดผ้าที่เป็นลายปักภาพและมีเรื่องเล่าประกอบ เป็นเรื่องง่ายๆ มีเพียง ห้า หกหน้า มีทั้งภาษาพื้นเมืองของหลวงพระบาง ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสค่ะ ส่วนงานปักกระเป๋าผ้าหรืองานประดิษฐ์อื่นๆ ก็น่าสนใจ แต่ราคาก็เป็นไปตามเมืองท่องเที่ยวค่ะ คือราคาบอกเผื่อไม่ต่อ (เพราะว่าถ้าต่อเขาก็ลดให้แบบฮวบๆ แต่เผื่อไม่ต่อล่ะก็ขายเพียงชิ้นเดียวก็อาจจะพอแล้ว)

เดินคืนแรก เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย ก็อย่างที่บอก ตลาดที่นี่มีทุกคืนนี่นา (แถมของเหมือนกันแถบทุกคืนค่ะ) พวกเราเลยเดินกลับที่พักดีกว่า เพราะว่า พรุ่งนี้ เราจะตื่น ตีห้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเราเลย…

อ่านต่อวันที่ 2 ตักบาตรข้าวเหนียว วัดเซียงทอง ข้ามแม่น้ำโขงชมวัดร้างและเที่ยวถ้ำ ก่อนที่จะแว่ะชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

One thought on “สบายดี “หลวงพระบาง” พระธาตุพูสี ตลาดมืด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up