โอซาก้า ไป โกเบ เที่ยวไชน่าทาวน์ ทานสเต็กเนื้อโกเบ และแว่ะไปอริมะออนเซ็น

ทัวร์วันนี้ มีความพอใจระดับ 5เต็ม10 เท่านั้น เพราะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือไม่ได้แช่น้ำออนเซน แถมรวมๆ เมืองนี้ไม่ค่อยมีอะไรต่างจากที่อื่นๆค่ะ เป็นแค่เมืองต้นตำรับของเนื้อโกเบ

แต่เนื้อโกเบ สามารถหาทานได้ทั่วไป เรียกว่าไม่ว่าเราจะไปไหนก็มีเนื้อโกเบให้ทาน ทั้งในทุกตรอกทุกซอยของโอซาก้า นารา เกียวโต หรือแม้แต่ในไชน่าทาวน์ที่เมืองโกเบ ต่างก็มีเนื้อสเต็กโกเบให้ลิ้มลอง ส่วนใหญ่ไม่น่าจะมีการหลอกลวงกันนะคะ ร้านแบบเฟรนไชน์ที่มีสไปเดอร์แมนอนู่หน้าร้านเต็มไปทั่วทั้งเมือง
แต่เราก็กระเสือกกระสนไปทานเนื้อสเต็กนี้ถึงเมืองโกเบ เพราะเราอยากไปไชน่าทาวน์กับ อาริมา เมืองออนซอน

เอาจริงๆ ทริปเราวันนี้ค่อนข้าง fail อย่างที่บอกว่าไปอาริมะ แต่ไม่ได้แช่ออนเซนเลย เพราะ รร ที่ให้แช่แบบส่วนตัวได้ปิด บ่อที่ให้แช่เท้าฟรีก็ปิด และคุณสามีไม่ยอมแช่บ่อแบบรวมค่ะ ถ้าหากจะแก้ตัวใหม่ ก็จะไปนอนที่นั่นคืนหนึ่งแล้วเลือก รรที่มีบ่อในตัวห้องไปเลยค่ะ

เริ่มทริปวันนี้ ออกเดินทางจาก รร ลงไปชั้น b1 ซึ่งเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน สายที่เรานั่งไปโกเบ Shin-Kobe
เราเลือกไป Chinatown ก่อน เพราะเพิ่งทานอาหารเช้าจาก รร กะว่าจะไปเดินย่อยที่ไชน่าทานว์ ไปๆมาๆ ที่นั่นมีของทานเยอะมาก ไชน่าทาวน์ที่นี่ไม่มีอะไรมาก ติดกับตลาด Hajima ซึ่งเป็นตลาดในร่ม ยาวเป็น กิโลๆ แต่ของที่ขายส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีอะไรเด่นพิเศษ คือหาซื้อได้ทั่วไป
แต่ในส่วนไชน่าทาวน์นั้นก็เน้นอาหาร เป็นหลักจริงๆ ศิลปะหรือวัดไม่เด่นเลย โดยเฉพาะร้านซาลาเปานี้ที่เปิดขายรุ่นต่อรุ่นมากว่า 100ปี คนต่อแถวซื้อกันยาวเหยียด ขายแพคละ 3ลูก(300เยน, ~ 100บาท)
ส่วนตัว เราว่าไส้หมูเค็มไป แต่คุณทิมบอกอร่อย
ที่ตั้งใจมาลองอีกอย่าง คือ เป็ดปักกิ่งแบบพร้อมทาน อันละ 350-500เยน ชอบไอเดียเขาดี ไม่ต้องทานเยอะ
ที่นี่เหมาะที่จะมาสำหรับลองทานอาหารจีนจริงๆ
แต่ที่ดีอีกอย่างคือ นวดเท้า ที่นี่ถูกกว่าที่ไหนๆ คือ ชม ละ 3500เยน ซึ่งถูกกว่าที่โอซาก้า และถูกกว่าที่เกาหลีใต้กว่าครึ่ง (แต่แพงกว่าไทย 2-3เท่าตัว)
จัดสิค่ะ รออะไร นวดดีด้วยอ่ะ

จากไชน่าทาวน์เราเดินกลับไปที่สถานีหลัก สถานีโกเบ ซึ่งห่างกันเกือบกิโลเมตร พอดีมันไม่ร้อนก็เลยเดินได้ แต่ขึ้นรถไฟฟ้าก็จะดีกว่า เพราะลงสถานีแล้วก็เห็นร้านสเต็กมากมาย โดยเฉพาะร้านสเต็กแลนด์
ร้านสเต็กที่โกเบ ร้านที่เราอยากไปจริงๆนั้นคนจองเต็มแล้ว ร้านอื่นก็หาไม่เจอ ป้ายร้านส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่นหายาก ไปๆมาๆ ก็ทานที่สเต็กแลนด์ ซึ่งเป็นร้านใหญ่ เน้นปริมาณลูกค้า ร้านนี้ถ้าไปทันช่วงมื้อเที่ยง เวลาประมาณ 11-2โมง ราคาเซ็ตเมนูจะถูกกว่าครึ่ง !!!
เราไปช้ากว่า 20นาทีแต่ก็ไม่ต้องต่อแถวเลยค่ะ

เขาว่าเนื้อที่นี่ใช้เกรด A4 กับ A5 เท่านั้น เราเสียสละทานA5 ซึ่งเป็นเนื้อที่ดีที่สุด ส่วนคุณสามีให้ทานA4
ในส่วนตรงนี้เราจะไม่บรรยายมาก เพราะไม่ใช่แนวเรา เขาแค่จะมาทอดตรงหน้าเราค่ะ เราสามารถเลือกขนาดความสุกได้ ส่วนตัวชอบ medium rare คือสุกปานกลาง เนื้อยังมีสีแดงๆ

ถามว่า อร่อยไหม อร่อยค่ะ แต่ไม่ใช่สิ่งที่อร่อยที่สุดในชีวิต (ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล) แต่เนื้อโกเบมันละลายในปากจริงๆ แบบ คนไม่มีฟันก็ทานได้ค่ะ

เนื้อโกเบ เป็นเนื้อที่ได้จากวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นทาจิมา (Tajima) เป็นวัวขนสีดำ ที่เลี้ยงในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) ความอร่อยของเนื้อโกเบนั้นมาจากเส้นใยของเนื้อวัวที่ละเอียด และมีไขมันแทรกซึมระหว่างเนื้ออย่างสม่ำเสมอ มองดูคล้ายลายกระเบื้อง เนื้อที่คุณภาพดีที่สุดจะเป็นระดับ A5 มีราคาแพงที่สุด
เคล็ดลับที่ทำให้เนื้อโกเบมีเนื้อนุ่ม และ ไขมันแทรกซึมที่เนื้อมาจากการเลี้ยงแบบพิเศษ เฉกเช่นเดียวกับที่เราเลี้ยงสามี เช่น มีการนวดวัวให้เกิดการผ่อนคลาย มีเบียร์ให้วัวทาน เลี้ยงในโรงเรือนที่อากาศดี อุณหภูมิสบาย เปิดเพลงให้ฟัง ให้กินอาหารคุณภาพดี ทั้งหมดนี้จึงได้เป็นเนื้อโกเบที่อร่อย ขึ้นชื่อระดับโลก!!!

ทานเสร็จก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าอีกสายหนึ่งไปอริมะ ตอนแรกจะถอดใจแล้วเพราะว่า ต้องนั่งรถไฟฟ้าถึง 3ขบวน แต่ก็เป็นการนั่งแบบสั้นๆ ไม่กี่สถานีต่อขบวน

มาถึงอริมะ ตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ รวมๆ ป้ายเขาเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ เราเดินตามร้านค้า (เลี้ยวขวาจากสถานีรถไฟฟ้า) เดินไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายจะมีสะพานแดงที่คนนิยมมาถ่ายรูป

ยิ่งเห็นร้านค้า ขนมพื้นเมือง มากเท่าไรก็หมายถึงใกล้จุดศูนย์กลางของน้ำแร่ออนเซ็นแล้ว แต่ทว่า เราก็เดินวนๆ หลงๆ ไปจนไม่สามารถจะเอามาแนะนำได้ โดยน้ำแร่ที่นี่จะมีคุณสมบัติพิเศษเป็นสีทอง เพราะมีแร่ธาตุเหล็กและเกลือผสมอยู่ โดยคุณสมบัติพิเศษของแร่ธาตุสองชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ บรรเทาอาการไขข้ออักเสบบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการภูมิแพ้ ผื่นคัน และรักษารอยแผลเป็นหรือรอยน้ำร้อนลวกได้

แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผน…ไม่ได้แช่น้ำแร่อะไรเลยค่ะ
ได้แต่ซื้อขนม เดินเล่นเรื่อยเปื่อย ตัดสินใจซื้อตั๋วรถบัสกลับโอซาก้า อีกคนละกว่า 900เยน (แพงเข้าไปอีก) แต่ก็นั่งสบายๆ นั่งไปเรื่อยๆ ประมาณ ชั่วโมงหนึ่งก็มาส่งเราลงที่ อุเมดะ จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ไปลงที่สถานีนัมบะ เพื่อจะเดินกลับ รร ที่พักเราใน โอซาก้าค่ะ

ถ้าย้อนเวลาได้ เอาวันนี้ไปเที่ยวเกียวโต อีกวันดีกว่า…

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up