ทริปนี้เราทำการบ้านหนักมาก ซื้อหนังสือ เกี่ยวกับไต้หวันมาอ่าน4เล่ม นอกจากนั้นยังอ่านรีวิว เกือบทุกสถาบันที่เราจะกูเกิ้ลเจอ ไปๆมาๆ เราก็ได้ทริปแบบอัดแน่น เรียกว่าใช้ทุกเวลาอย่างคุ้มค่าที่ไต้หวัน ตลอดทริป ห้าวัน ของพวกเราที่นี่ค่ะ
วันแรกนี้ พอมาถึงไทเป ก็เช็คอินที่โรงแรมเมดิสันไทเป (Medison Taipei) แล้วออกไปกินไก่ทอดชิ้นโต Hot Star และชานมไข่มุกที่ซีเหมิน (Ximen) ทันที และถึงแม้ฝนจะตกอย่างต่อเนื่อง เราก็ยังแวะไปอนุสรณ์สถานเจียงไคเชก ไปดูทหารเปลี่ยนเวรยาม (รอบสุดท้ายพอดี) ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพราะตอน 2ทุ่ม เรามีทัวร์เปิบพิศดารอาหารพื้นเมือง Hunger Game กับน้องๆ Tourmeaway.com ค่ะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า แบบละเอียด ว่าวันนี้(13 เม.ย. 2559) เดินทางกับสายการบินไทย (TG634) ที่เวลายังกะเดินทางไปอเมริกาเลยค่ะ ตื่นตั้งแต่ตีสี่ แล้วเตรียมมาเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ(BKK) ก่อน ตีห้า (เครื่องออกจริงๆ ประมาณ 7โมงเช้า) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชม 40นาที มาถึงสนามบินไทเป (TPE) แต่ด้วยเวลาที่ไต้หวันจะเร็วกว่าประเทศไทย 1ชม เราจึงมาถึงที่นี่ตอน 11.50น ค่ะ
สนามบิน เขาก็ดูดีนะคะ ตอนแรก หวั่นวิตก เพราะเราเดินทางเข้าไต้หวันด้วยวีซ่าเมริกาฯ แถมเรามีพาสปอร์ตสองเล่ม (เล่มเดิมมีวีซ่า อเมริกาฯ แล้วเราเปลี่ยนนามสกุลเป็น เล่มใหม่ จึงไม่มีวีซ่าอเมริกา แต่เราได้ทำการ endorsement พาสปอร์ตสองเล่มเข้าด้วยกันแล้ว) แต่สิ่งที่กังวลนั้นหายไปเลยค่ะ เหมือนเจ้าหน้าที่เขารู้หลักการดี เราจึงผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของไต้หวันฉลุย ดูเหมือนเราก็เริ่มประทับใจไต้หวันเพราะสนามบินขาเข้า แต่…ตอนขาออก ระบบ เขางง มากค่ะ ให้เรายืนดูกระเป๋าว่าเช็คผ่านหรือเปล่า ก่อนที่จะอนุญาติให้เราเข้าไปรอขึ้นเครื่อง แอบโกรธตอนยึด ไม้selfie ที่เราซื้อมาใช้กับกล้อง GoPro เราไปด้วย สงสัย ไต้หวัน เขาเป็นแบบ เข้าง่าย ออกยาก!!!
จากสนามบินไทเป เข้าไปในเมือง ขอบอกก่อนเลยว่า ไม่มีรถไฟฟ้า MRT ต้องแท็กซี่ หรือไม่ก็รถลีมูซีน รถรับจ้างทั่วไปเท่านั้น ขาไปเราตัดปัญหาด้วย การจ้างรถผ่าน EXPEDIA ซึ่งราคา 1,700 บาท เป็นรถเก๋ง ราคาสำหรับสองท่าน แต่พอทางบริษัทต้นสังกัดรถเขาตอบอีเมล์ยืนยันกับเราโดยตรง ขากลับ เราเลยถามราคาว่า ถ้าเราจ้างเขาโดยตรง ไม่ผ่าน Expedia ล่ะ เขาบอกว่า 1,300 บาท ขากลับเราเลยจ้างรถถูกกว่า ประมาณ 400 บาท สนใจรถจ้างที่ไทเป ติดต่อที่นี่เลยค่ะ soingteng@liontravel.com อันนี้เราไม่ได้ ค่านายหน้าอะไรกับเขานะคะ แต่สำหรับเรา ดีกว่าที่ เราจะต้องไปสู้รบกับแท็กซี่เองที่นั่น ซึ่งถ้าโชคร้าย จะโดยค่าโดยสารแพงมาก (เพราะเขาไม่มีมิเตอร์) ดีไม่ดี จับเราอัดกับคนอื่นแบบทางเดียวกันไปด้วยกันแต่คิดค่าโดยสารเต็มราคา
จริงๆ ค่ารถจากสนามบิน ไปโรงแรมในไทเป หรือ จากโรงแรมไปสนามบิน จะ อยู่ที่ราคาประมาณ 1300-1700 NT$ โดย จากสนามบินฯ ไป โรงแรม เมดิสัน นั้นก็เกือบ 45-50 นาทีค่ะ
ทำไม ถึงเลือก โรงแรม เมดิสัน ไทเป?
ตอนแรกเราใช้หลักการเลือกโรงแรมจาก ระยะห่างจากตึก 101 ไทเป (คิดเองว่าอยู่ใกล้ตึกนี้ อะไรๆ ก็ดี) และโรงแรมนี้เป็นราคาที่เราสู้ได้ คือ สนนราคาที่เรา เลือกไปคือ 5,500บาท ต่อคืน พร้อมอาหารเช้า โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเปิดใหม่ค่ะ เพิ่งเปิดเมื่อปี 2014เอง และเมื่ออ่านรีวิวดูแล้วมีแต่คนชม โรงแรมนี้อยู่ระหว่าง MRT สถานี Xinyi Anhe กับ Daan สายสีแดง (เราว่า ใกล้ Xinyi Anhe, exit 1 มากกว่า)
และก็ไม่ผิดหวังค่ะ ห้องสะอาด (ไม่สูบบุหรี่ทั้งโรงแรมนะ) ทีวี มีให้เลือกหลายช่องรายการ อุปกรณ์ทุกอย่างสะอาด ใหม่ ห้องน้ำเป็นชักโครกแบบอัตโนมัติ (พวกเราตื่นเต้นมาก รู้สึกบ้านนอกๆ ยังไงไม่รู้) อุปกรณ์ห้องน้ำทุกอย่างให้ของดีมาก แชมพู โลชั่น ฯลฯ ดูดีไปหมด ที่สำคัญมีกระเป๋าผ้า สำหรับช้อปปิ้งให้ฟรีอีกหนึ่งใบ คือ เราก็เพิ่งรู้นะว่า ที่ไต้หวัน เวลาซื้อของ ถ้าให้เขาใส่ถุงพลาสติก เขาจะคิดเงินเพิ่ม ดังนั้นเวลาไปซื้อของที่ 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อ เขาจะคิดเงิน แล้วกองๆๆ ของไว้ให้เรากวาดใส่ถุงผ้าเอาเองค่ะ ตอนแรก ก็แอบ งง แต่ลึกๆ ชอบนะ
อาหารเช้าที่นี่ ออกแนว ธรรมดาๆ มีจุ๋มจิ๋ม ให้ทานแบบประทังชีวิต ส่วนมากเราจะแว่ะมาดื่มกาแฟและกินไข่ดาวรองท้องกัน แต่ถ้าร้านอาหารข้างล่างมี โปรโมชั่น หรือ Happy Hours ให้ลองลงไปดูนะคะ เขามีไวน์ มีขนม กับแกล้ม ให้ทานเล่น ดูดีกว่าอาหารเช้าอีกค่ะ
เช็คอินโรงแรม เอาเสื้อผ้าออกใส่ตู้ เราก็หิวค่ะ กฎข้อห้ามในการเดินทางของเรา คือห้ามทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ต้องทานอาหารพื้นเมืองเท่านั้น เราจึงตรงไปซีเหมินติ้งก่อนเลย ที่นี่ ประหนึ่งดัง ย่านสยามสแควร์ ใน กรุงเทพฯ เลยค่ะ ของกิน แฟชั่น เสื้อผ้า ฯลฯ เพียบ!
ตอนเรามา เราไม่ได้แลกเงินไต้หวันมาเลยค่ะ และที่นี่ ไม่รับเงินไทย เงินดอลล่าร์ หรือเงินสกุลอื่น นอกจากเงินไต้หวันเท่านั้น เราจึงใช้บัตรเอทีเอ็ม กดเงินจาก Citibank กดได้มากสุดครั้งละ 15,000 NT$ วิธีนี้สำหรับคนขี้เกียจแลกเงิน และไม่ซีเรียส เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากนะคะ (สำหรับทริปห้าวันนี้ พวกเรากดเงินออกมาก ทั้งหมด 25,000 NT$ หรือประมาณ 770USD ค่ะ ห้าวันสองคน ประมาณนี้ก็ไม่เลวร้ายนะคะ)
มีเงินแล้วเราตรงไปซื้อบัตรสำหรับเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือ MRT ของเขาก่อนเลย ขอแนะนำว่า ให้ซื้อ EASY CARD ค่ะ เพราะใช้ได้ทั้ง รถไฟฟ้า และรถเมล์ สะดวก ซื้อบัตรได้ที่ตู้เท่านั้น (มีภาษาอังกฤษ ขั้นตอนไม่ยาก) มีค่ามัดจำบัตร 100NT$ แต่เมื่อเลิกใช้ เอาบัตรไปคืนที่เค้าน์เตอร์เจ้าหน้าที่ จะได้ค่ามัดจำบัตร และเงินที่เติมคงเหลือคืนค่ะ สำหรับทริปนี้เราเติมไปคนละ 700 NT$ไปก่อน (แต่ใช้ไม่หมด วันสุดท้าย ได้ทั้งค่ามัดจำและเงินคงเหลือคืน คนละ 220NT$)
ระบบ MRT ที่นี่ดีมาก เหมือนๆ สิงค์โปร์ และ ฮ่องกง สะอาด ครอบคลุม แถมมีห้องน้ำตามสถานีไว้ให้บริการด้วยค่ะ
เราสังเกตว่า คนไต้หวัน จะถูกปลูกฝังมาว่า ถ้าไม่ใช่ คนแก่ คนท้อง เด็ก หรือคนพิการ เขาจะไม่นั่งเก้าอี้ PRIORITY ตัวสีน้ำเงินเข้มๆ ไม่ว่า คนจะน้อยหรือ จะมาก เขาจะยืนกันค่ะ พวกเราไปนั่ง แม้จะเป็นตอนไม่มีคนแก่ คนท้อง เด็ก หรือคนพิการขึ้น ยังแอบรู้สึกผิด รู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองเราอยู่…
คนไต้หวัน มีระเบียบในที่สาธารณะมากค่ะ อย่างเวลาขึ้นบันไดเลื่อน คนที่ยืนเฉยๆ จะยืนชิดขวาค่ะ โดยเว้นด้านซ้าย ให้คนที่เร่งรีบ เดินขึ้นค่ะ
ลืมบอกว่า ฝนตกตั้งแต่ตอนเรามาถึงสนามบิน และก็ตกปรอยๆ อย่างต่อเนื่อง…
เมื่อมาถึง ซีเหมินติ้ง (MRTสีเขียว: Ximen ทางออก 6) อย่างที่บอกว่าที่นี่คล้ายๆ สยามที่บ้านเรา มีร้านค้าหลากหลาย ทั้งของกินของใช้ เราตรงดิ่งไปทานไก่ทอดชิ้นโตของ Hot Star และ ชานมไข่มุกก่อนเลย ก็ใครๆมาไต้หวันก็ต้องทานสองสิ่งนี้ก่อนสิ่งอื่นใด (จริงๆ ไม่ใช่ร้านนี้ที่เขาแนะนำเกี่ยวกับชานมไข่มุก แต่ฝนตก ก็เลยต้องซื้อที่นี่) ตัวไข่มุก ไม่ต่างกับไข่มุกทั่วๆ ไปในบ้านเราค่ะ แต่ชานมเขาจะออกจืดๆ ไม่ค่อยเข้มข้น ไม่ค่อยหวาน แถมราคาแพงกว่าไก่ทอดอีก (ไก่ทอด 70 ชานม 85!!!)
จากที่ชิมชานมที่นี่เกือบทุกร้าน ส่วนใหญ่จะไม่หวานนะคะ ถ้าคนชอบหวานๆนี้ต้องบอกเขาว่า ขอหวานมากๆ
ทานเสร็จ ก็เดินเล่นบริเวณรอบๆ ส่วนใหญ่ เป็นร้านเสื้อผ้า แฟชั่น ของใช้พวก สมาร์ทโฟน ทั่วๆ ไปค่ะ เจอทัวร์คนไทยด้วย เขาบอกว่า ไกด์พามาให้ซื้อรองเท้า แต่ลุงเขาบอกว่า ไม่รู้จะซื้อรองเท้าอะไร ก็จริงๆ ค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งยอดนิยมของคนไทยที่นิยมมาแว่ะหาซื้อรองเท้าแฟชั่นกัน บ้างก็ว่า ถูก บ้างก็ว่า แบรนด์ดังๆ จะมีหลายรุ่นให้เลือกมากกว่าที่ในเมืองไทย
เราก็ถอยมารองเท้าผ้าใบมาคู่หนึ่งค่ะ ไม่ใช่เพราะว่าอยากได้ แต่รองเท้าที่ใส่มา เป็นรองเท้าแฟชั่นแต่มีราคา และเป็นรองเท้าที่ไม่ควรโดนฝน หรือโดนน้ำบ่อยๆ แต่ที่นี่ฝนตกทุกวันนี่ค่ะ เลยต้องยอมซื้อคู่ใหม่ เพื่อรักษาชีวิตคู่เก่าไว้
แต่อย่างที่บอกว่า ฝนตก เราจึงคิดว่า กลับโรงแรมก่อนดีกว่า แต่พอขึ้นรถไฟฟ้า อ้าว ฝนเหมือนจะหยุด ซึ่งเราผ่าน อนุสรณ์ท่านเจียงไคเชกฯ เพราะเรานั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง เราเลยกระโดดลงที่สถานี MRT: Chiang Kai-Shek Memorial Hallก ที่ทางออก 5 ไป อนุสรณ์ ท่านเจียงไคเชกกันค่ะ
ท่านเจียงฯ เป็นประธานาธิบดีของไต้หวัน (ไม่ใช่คนแรกนะคะ) และท่านเป็นบุคคลสำคัญของไต้หวันมาก ขนาดอนุสรณ์รูปปั้นของท่านยังมีทหารเฝ้ารูปปั้นของท่านเลยค่ะ
และถ้าอยากรู้ท่านเจียงเชกนั้นเสียชีวิตตอนอายุเท่าไร ให้นับขั้นบันไดดูนะคะ (จริงๆ อ่านป้าย ข้างล่างก็รู้แล้วค่ะ…)
ในฐานะการเป็นนักท่องเที่ยวอย่างเรา ก็แอบสงสัยว่าทำไมเราต้องมาดูรูปปั้นท่านเจียงฯ ด้วย จนรู้มาว่า จริงๆ เขามาดูการเปลี่ยนเวรทหารที่เฝ้ารูปปั้นท่านค่ะ เพราะนั่นถือเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวที่แว่ะมายังอนุสรณ์สถานแห่งนี้เลยค่ะ
โดยการเปลี่ยนเวรทหารที่นี่จะมีทุกๆ ต้นชั่วโมง ตั้งแต่ 9โมงเช้า ถึง 5โมงเย็น ทุกวันค่ะ ถ้าอยากดูให้แนะนำว่ามาก่อนเวลาสัก สิบนาทีนะคะ เช่น ทหารเปลี่ยนยาม ตอน 4โมงเย็น แนะนำให้ไปรอก่อนบ่าย3.45ค่ะ
คิดว่าน้องๆ ทหาร ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี เพราะว่า ยืนตรง และนิ่งมาก …นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเซลฟี่ กับน้องๆทหารค่ะ
จริงๆ ถ้า ไปอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็กก็ต้องไป อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัตเซ็น (Dr. Sun Yat-sen) ซึ่งเป็นนักปฏิวัติที่ร่วมขบวนการปฏิวัติจีนกับท่านเจียงไคเช็ก แต่ทริปนี้เราไม่ได้ไป (ฝนตก น่ารำคาญจริงๆ) แต่หากสนใจอยากไป ให้ไปที่ MRTสีฟ้า: Sun Yat-Sen Memorial Hall ทางออก4 ค่ะ
ระหว่างนี้ ก็ประมาณ หกโมงเย็น เรากลับไปโรงแรมก่อน เพราะนัดทัวร์ชิมอาหารกับ TourMeAway ตอนสองทุ่ม สภาพตอนนี้เปียกปอนหนาวสั่นไม่สามารถไปไหนต่อได้จริงๆ…
จริงๆตอนทุ่มนิดๆ เราก็แอบ ขี้เกียจ ก็แหม ตื่นตั้งแต่ ตีสี่ แถมมาเจอฝนที่นี่ ยังไม่ได้พักเลย แต่ต้องออกไปทัวร์ชิมอาหาร แต่ก็ไม่อยากพลาดทัวร์นี้ ก็เลย ตัดสินใจออกไปค่ะ ทัวร์นี้มีชื่อว่า Hunger Game มีค่าอาหารเรียกเก็บคนละ 500NT$ เท่านั้น คุ้มค่ะ เปรมปรีด์ ทานไม่หวัดไม่ไหว สนใจทัวร์นี้ลองเข้าไปดูที่ TourMeAway.com เขามีทัวร์ฟรีอื่นๆ อีกด้วยค่ะ
อ่านต่อที่ 5ตลาดกลางคืนในไทเป (ไต้หวัน)ที่ไม่ควรพลาด ตอนที่2